เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ตอบโต้กรณีที่สมาชิกวุฒิสภาบางคนวิพากษ์การทำงานของรัฐบาลและการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชน โดยเฉพาะกรณีที่นายกัน จอมพลัง นำหลักฐานคลิปเหตุการณ์ (แคมป์ 511) มาเปิดเผยจนทางการกัมพูชาออกแถลงการณ์อ้างว่าการกระทำของไทยละเมิดสิทธิมนุษยชน พล.ต.ท.ปิยะตั้งคำถามถึงจุดยืนของ “นักสิทธิมนุษยชน” ในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนไทยก่อนหน้านี้

โฆษกพปชร.ระบุว่า เมื่อทหารและประชาชนไทยถูกยิงและวางระเบิดโดยทหารกัมพูชา มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งพลเรือนและทหาร รวมถึงเด็กและเยาวชน เช่น เหตุการณ์ที่เด็กอายุ 8 ปี เสียชีวิต และทหารบางนายต้องทุพพลภาพจนต้องใช้ขาเทียมตลอดชีวิต ซึ่งเป็นการโจมตีที่เข้าข่าย “เป้าหมายพลเรือน” มากกว่าการโจมตีเชิงทหาร แต่กลับไม่เห็นการเคลื่อนไหวเชิงสังคมจากนักสิทธิมนุษยชนเพื่อประณามหรือให้ความช่วยเหลือแก่ผู้สูญเสียในฝั่งไทย

พล.ต.ท.ปิยะกล่าวต่อว่า แม้ผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวอาจมีสถานะเป็นนักกิจกรรมหรือนักสิทธิมนุษยชน แต่ในมุมมองหนึ่งก็เป็น “ปวงชนชาวไทย” ดังนั้นควรตระหนักถึงหน้าที่และบทบาทตามรัฐธรรมนูญมาตรา 50 และพิจารณาผลกระทบจากการกระทำหรือการแสดงออกของตนเองที่อาจกระทบต่อเกียรติภูมิของประเทศและสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศ

โฆษกพรรคพลังประชารัฐยังเตือนด้วยว่า การแสดงพฤติกรรมเช่นนี้อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ และตั้งคำถามว่าบุคคลดังกล่าวสมควรยังคงอยู่ในตำแหน่งที่มีเกียรติหรือไม่ โดยเห็นว่าควรพิจารณาให้รอบคอบถึงความตั้งใจและผลลัพธ์จากการกระทำดังกล่าว