วันพุธที่ 15 ตุลาคม 2568 พลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับ ดร. ซัยยิด เรฟาต อาห์เหม็ด (Honorable Chief Justice Dr. Syed Refaat Ahmed) ประธานศาลฎีกาบังกลาเทศ พร้อมด้วย นายไฟยาซ เมอชิด คาซี (H.E. Mr. Faiyaz Murshid Kazi) เอกอัคราชทูตบังกลาเทศประจำประเทศไทย และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับภูมิภาคว่าด้วยภาวะผู้นำตุลาการสำหรับผู้พิพากษาหญิงในเอเชียและแปซิฟิก (Regional Convening on Judicial Leadership for Women Judges in Asia and the Pacific) ระหว่างวันที่ 16 - 17 ตุลาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยมี นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พลตำรวจโท สรรเพชญ สุขภิมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เจ้าหน้าที่สำนักงานรัฐมนตรี และกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องรับรองประจำกระทรวงยุติธรรม 3 – 01 ชั้น 3 อาคารกระทรวงยุติธรรม 

โดยประธานศาลฎีกาบังกลาเทศได้แสดงความยินดีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ จากนั้นได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และหารือประเด็นต่าง ๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน อาทิ การริเริ่มจัดทำความร่วมมือเพิ่มเติม เช่น การจัดทำข้อตกลงสนธิสัญญาความช่วยเหลือทางกฎหมายร่วมกัน (Mutual Legal Assistance Treaty: MLAT) นอกเหนือจากสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่สองประเทศได้มีความร่วมมือดังกล่าวแล้ว  รวมถึงการส่งเสริมบทบาทภาวะผู้นำสตรี โดยเฉพาะในระบบตุลาการ ซึ่งประธานศาลฎีกาได้กล่าวยกย่องว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีสุภาพสตรีที่ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาถึง 4 ท่าน ซึ่งจะได้นำไปเป็นแบบอย่างเพื่อจัดทำแผนงานปฏิรูปศาลฎีกาบังกลาเทศในอนาคตต่อไป 

นอกจากนี้ ประธานศาลฎีกาบังกลาเทศได้นำเสนอเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาสถาบันฝึกอบรมยุติธรรมในบังกลาเทศ ซึ่งจะสามารถพัฒนาความร่วมมือกับประเทศไทยได้ในอนาคต เช่นเดียวกับที่บังกลาเทศได้มีความร่วมมือดังกล่าวกับบราซิลและอียิปต์ ในการนี้ประธานศาลฎีกาบังกลาเทศได้แสดงความชื่นชมการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมและบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในการนำความรู้ความสามารถและประสบการณ์มาใช้บริหารหน่วยงาน เพื่อส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และยินดีที่จะส่งเสริมความร่วมมือที่ใกล้ชิดในทุกระดับ รวมถึงในระบบตุลาการและระหว่างรัฐบาลต่อไป