"วันนอร์"  นำคณะผู้แทนไทยร่วมประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 151 ณ เจนีวา  เผยเตรียมเสนอวาระเร่งด่วนเรื่อง "สแกมเมอร์ข้ามพรมแดน" ให้รัฐสภาโลกเร่งรับมือภัยไซเบอร์ร่วมกัน 

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568   การประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 151 เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 20  ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติเจนีวา หรือ CiCG ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย ซึ่งมีทั้ง สส. สว. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุน เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง

สำหรับวาระสำคัญของการประชุมใหญ่ คือ รับรองการประชุมและข้อมติต่างๆ ของ IPU ในช่วงที่ผ่านมา และการปราศรัยหรือการอภิปรายของประธานรัฐสภาจากชาติสมาชิก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยจะได้อภิปรายในลำดับที่ 17

ประธานวันนอร์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมว่า จุดยืนของไทยคือสนับสนุนการทำงานของ IPU และเห็นด้วยกับหัวข้อหลักของการประชุมในปีนี้ คือ การสร้างสันติภาพและพิทักษ์รักษามนุษยธรมในยามวิกฤต เพราะปัจจุบันมีปัญหาในทุกภูมิภาคของโลก ขณะที่ไทยเองก็ประสบปัญหาทั้งเรื่องสันติภาพและมนุษยธรรมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน 

ฉะนัั้นไทยจะถือโอกาสย้ำจุดยืนในเรื่องนี้ต่อ IPU ว่า รัฐสภาไทยและประเทศไทยเราสนับสนุนการสร้างสันติภาพ และเราพร้อมดูแลด้านมนุษยธรรม ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยก็ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด เห็นได้ชัดจากการรับดูแลผู้ลี้ภัยจากปัญหาความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้านนับแสนๆ คน และยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อใด 

แต่ล่าสุดก็ยังมีปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอีก ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย ด้วยเหตุนี้ไทยจึงอยากให้แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และมีการเจรจาภายใต้กรอบทวิภาคี เช่น เจบีซี และจีบีซี ซึ่งที่ผ่านมามิตรประเทศในอาเซียน รวมทั้งมาเลเซีย ก็พยายามช่วยให้เกิดการแก้ไขปัญหาตามกรอบที่ควรจะเป็น ซึ่งไทยก็ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นีั

แต่ก็ต้องยอมรับว่า หลายๆ ครั้ง เพื่อนบ้านของเราก็พยายามกระทำการบางอย่างที่ทำให้เกิดความกังวลใจ แต่ไทยก็ย้ำจุดยืนเรื่องการเจรจาและสร้างสันติภาพ เพราะจะทำให้ประชาชนของทั้งสองประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด จึงเชื่อว่าที่ประชุมสมัชชา  IPU จะสนับสนุนท่าทีของไทยในเรื่องนี้ 

ประธานวันนอร์ บอกด้วยว่า การประชุม IPU หนนี้ ประเทศไทยจะเสนอเรื่องวิกฤตปัญหาสแกมเมอร์ หรืออาชญากรรมไซเบอร์ข้ามพรมแดน เป็นเรื่องใหญ่และเร่งด่วนเพื่อให้ที่ประชุมสหภาพรัฐสภาได้แสดงบทบาทในการจัดการปัญหาร่วมกัน ซึ่งขณะนี้จากการประสานงานนอกรอบ ได้รับการตอบรับจากเพื่อนสมาชิกในกลุ่มประเทศอาเซียน และอีกหลายๆ กลุ่มภูมิภาคที่จะสนับสนุนไทย

โดยทีมผู้แทนรัฐสภาไทย ทั้งตน สส.รังสิมันต์ โรม รวมถึง สส. สว.อีกหลายท่านที่ร่วมคณะมาด้วยกัน และทีมเจ้าหน้าที่ก็ได้ร่วมกันปรับปรุงถ้อยคำในข้อมติ โดยอยู่ทำงานกันตลอดทั้งวันจนดึกดื่น เพื่อให้ข้อมตินี้บรรจุเป็นวาระเร่งด่วนของที่ประชุมใหญ่ IPU ให้ได้ จะได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหาในระดับนานาชาติต่อไปผ่านกลไกรัฐสภาโลก ซึ่งหากประสบความสำเร็จ ก็จะถือเป็นผลงานของคณะผู้แทนรัฐสภาไทยที่เดินทางมาในครั้งนี้ และจะทำให้ภาพลักษณ์ของไทยมีความชัดเจนว่าเป็นประเทศที่ต้องการสันติภาพ และทำทุกอย่างเพื่อปกป้องมนุษยธรรมของผู้คนอย่างแท้จริง 

ส่วนการปราศรัยในเวทีใหญ่ ที่เรียกว่า General Debate ซึ่งฝ่ายกัมพูชาส่งรองประธานวุฒิสภา นายอุช โบฤทธิ์ ถือเป็นเบอร์สองรองจาก สมเด็จเดโช ฮุนเซน เข้าร่วมประชุมและปราศรัยในรอบนี้ จึงมีการคาดหมายว่าจะใช้โอกาสนี้โจมตีไทยอย่างแน่นอนนั้น ประธานวันนอร์ กล่าวว่า เนื่องจากเวที General Debate ตนอยู่ในลิสต์ A ได้คิวพูดก่อน จึงเตรียมเนื้อหาเอาไว้แบบกลางๆ จะไม่ให้ร้ายประเทศเพื่อนบ้านของเรา 

แต่ก็ต้องถือโอกาสนี้สร้างความเข้าใจกับประชาคมโลกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ฝ่ายไทยไม่ได้เป็นผู้ก่อ แต่ไทยเป็นผู้แก้ปัญหา หนำซ้ำยังได้รับผลกระทบและมีความเดือดร้อน ถูกโจมตีทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ทำให้ประชาชนและเด็กๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เสียชีวิตไปเกือบ 20 ชีวิต ต้องอพยพผู้คนหลายแสนคน และยังอาจต้องมีการอพยพอีก เพราะสถานการณ์ล่าสุดยังน่ากังวลใจ แม้ที่ผ่านมามีข้อตกลงหยุดยิง และกำลังจะมีการเจรจาในขั้นต่อไป แต่ไทยเน้นย้ำเงื่อนไข 4 ข้อที่ประเทศเพื่อนบ้านต้องดำเนินการ แต่กลับยังไม่ได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติเท่าที่ควร นั่นก็คือ

 - เคลื่อนย้ายอาวุธหนักและกำลังทหารออกจากพื้นที่ประชิดแนวชายแดน 

 - ร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพราะมีการวางใหม่ ไม่ใช่มีแต่ของเก่า และฝ่ายไทยไม่ทราบว่ามีการฝังไว้ตรงจุดใดบ้าง จึงต้องการความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจัง 

 - ร่วมกันปราบปรามกวาดล้างสแกมเมอร์และขบวนการหลอกลวงออนไลน์ ที่มีการจับคนไปบังคับแรงงาน ซึ่งสร้างความเดือดร้อนเสียหายไปทั่วโลก

 - การบริหารจัดการชายแดนร่วมกัน 

ประธานวันนอร์ ย้ำทิ้งท้ายว่า ฝ่ายไทยจะไม่มีการเปิดด่าน หรือมีข้อตกลงเพิ่มเติมใดๆ หากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาทั้ง 4 ข้อได้ตามที่ได้เสนอไป