เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568  เวลา 08.00 น. ที่พระอุโบสถ วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าพระกฐินประจำปี 2568 ตามที่กระทรวงมหาดไทยขอพระราชทานไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี
 
โอกาสนี้ นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายพรพจน์ เพ็ญพาส นายชูชีพ พงษ์ไชย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม นางรณิดา เหลืองฐิติสกุล ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี อธิบดีกรมที่ดิน นายสุรศักดิ์ อักษรกุล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายภพชนก ชลานุเคราะห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายพรรณรบ เตชะมงคลาภิวัฒน์ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นางสาวชัชดาพร บุญพีระณัช นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายอัธยา นวลอุทัย ผู้ช่วยปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย สมาคมแม่บ้านมหาดไทย ตลอดจนบริษัท ห้างร้าน ภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย และประชาชนผู้มีจิตศรัทธา เข้าร่วมในพิธีฯ
 
เมื่อถึงเวลาตามกำหนดการพิธี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายธูปเทียนแพ แล้วอัญเชิญผ้าพระกฐินเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ อุ้มประคองไว้ตรงอก วงโยธวาทิตโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จบแล้ว ถวายความเคารพ และอุ้มประคองผ้าพระกฐินพระราชทานเข้าสู่พระอุโบสถ วางบนพานแว่นฟ้าหน้าพระสงฆ์รูปที่ 2 จากนั้น จุดธูป เทียน บูชาพระประธานประจำพระอุโบสถ กราบ 3 ครั้ง แล้วหยิบผ้าห่มพระประธานที่วางอยู่บนผ้าพระกฐินมอบให้เจ้าหน้าที่ และอัญเชิญผ้าพระกฐินมาอุ้มประคองหันหน้าไปทางพระประธานประจำพระอุโบสถ กล่าวนะโม 3 จบ แล้วหันหน้าไปทางพระสงฆ์ กล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน เสร็จแล้ววางผ้าพระกฐินบนพานแว่นฟ้า ประเคนแด่พระสงฆ์รูปที่ 2 พร้อมด้วยพานเทียนพระปาติโมกข์ พระสงฆ์กระทำพิธีอปโลกนกรรมและลงไปครองผ้า เสร็จแล้ว ประธานถวายเครื่องพระกฐินแด่พระสงฆ์องค์ครอง รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ถวายผ้าไตรแด่พระคู่สวด 2 รูป ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ถวายเครื่องไทยธรรม ประธานถวายใบปวารณาแด่เจ้าอาวาส พระสงฆ์อนุโมทนา  ถวายอดิเรก ประธานกรวดน้ำ รับพร กราบพระรัตนตรัย และกราบลาพระสงฆ์ แล้วมอบเงินให้แก่สถานศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดปทุมวนาราม  โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนวัดปทุมวนาราม ในพระราชูถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แล้วเดินไปที่โต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ ถวายความเคารพ เป็นอันเสร็จพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน โดยมียอดเงินพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ เป็นเงินทั้งสิ้น 6,417,815 บาท
 
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดราชวรวิหาร สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ช่วงปลายปี พ.ศ. 2396 โดยมีพระราชดำริให้สร้างวัดขึ้นบริเวณทิศตะวันตกของ "สระนอก" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสระปทุม (วังสระปทุมในปัจจุบัน) เพื่อพระราชทานถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระมเหสี และพระราชทานนามว่า "วัดปทุมวนาราม" ภายในวัดได้อัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จากเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาวมาประดิษฐาน ได้แก่ พระเสริม และ พระแสน ในพระวิหาร รวมถึง พระไส (พระสายน์) เป็นพระประธานในพระอุโบสถ นับเป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาผูกพันกับพระบรมราชจักรีวงศ์และศิลปวัฒนธรรมล้านช้างอย่างลึกซึ้ง
 
ความสำคัญของวัดปทุมวนาราม มีขึ้นในหลายมิติ ทั้งในด้านศาสนา ประวัติศาสตร์ และการเป็นศูนย์กลางทางจิตใจของชาวเมืองหลวง ในด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ พระเจดีย์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิ พระราชสรีรางคาร และพระอัฐิของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ใน "ราชสกุลมหิดล" หลายพระองค์ ทำให้วัดปทุมวนารามเปรียบเสมือน "สถูปเจดีย์แห่งราชวงศ์มหิดล" นอกจากนี้ ยังมีชื่อเสียงจาก "สวนป่าศาลาพระราชศรัทธา" ที่มีความร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ปกคลุมหนาแน่น เสมือนเป็น "ป่ากลางเมือง" หรือ "ดินแดนแห่งธรรม" ที่เป็นสถานที่สำหรับการเจริญธรรมวิปัสสนา การนั่งสมาธิ และฟังธรรม โดยในปัจจุบัน วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร มีถาวรวัตถุและเสนาสนะที่ล้วนเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ควรค่าแห่งการเป็นแหล่งเรียนรู้ให้อนุชนได้ช่วยกันดูแลรักษาสมตามพระราชศรัทธาและพระบรมราชูทิศให้สถิตอยู่ตราบนานเท่านาน