เมื่อเวลา 01.45 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เปิดเผยถึงการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน ว่าได้มีการพูดคุยกันอีกครั้งในช่วงค่ำวันที่ 15 พฤศจิกายน หลังการหารือครั้งก่อนหน้า

นายอนุทินระบุว่า นายอันวาร์ได้ถ่ายทอดข้อความจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่า สหรัฐฯ เห็นพ้องกับจุดยืนของไทยเกี่ยวกับ “การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของปฏิญญาที่ไทยและกัมพูชาลงนามร่วมกัน พร้อมเรียกร้องให้ไทยเร่งดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดโดยเร็ว เนื่องจากเป็นภัยคุกคามต่อประชาชนทั้งสองประเทศ

นายอนุทินเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ย้ำฝากให้นายอันวาร์แจ้งไทยอย่างเป็นทางการว่า
“สหรัฐอเมริกาจะไม่นำประเด็นการระงับปฏิญญาของไทย ไปเชื่อมโยงกับการเจรจาภาษีการค้าระหว่างไทย–สหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินอยู่”

นายกฯ ไทยระบุว่า ตนได้สอบถามนายอันวาร์ว่าข้อมูลดังกล่าวสามารถเผยแพร่สู่สาธารณะได้หรือไม่ ซึ่งนายอันวาร์ตอบว่า “โพสต์ได้เลย” และจะเผยแพร่ยืนยันผ่านช่องทางของตนเช่นกัน

สำหรับกรณีจดหมายจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ที่ระบุเรื่องการหยุดเจรจากับไทย นายอนุทินชี้แจงว่า เอกสารดังกล่าวถูกจัดทำก่อนที่เขาจะได้สนทนากับประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อค่ำวันที่ 14 พฤศจิกายน จึงยืนยันว่าข้อมูลของรัฐบาลไทยในปัจจุบันอัปเดตและเป็นทางการมากกว่า

รมว.พาณิชย์ย้ำไทยเดินหน้าเจรจาการค้าสหรัฐฯ ต่อเนื่อง หลังผู้นำสองชาติคุยคืบหน้า

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังการหารือเชิงบวกระหว่างนายอนุทินและประธานาธิบดีทรัมป์ รัฐบาลไทยพร้อมเดินหน้าการเตรียมความพร้อมและมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เป็นไปตามกรอบเวลาเดิม

รมว.พาณิชย์ระบุว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับอธิปไตยและความมั่นคง ขณะเดียวกันก็เล็งเห็นความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทย–สหรัฐฯ
กระทรวงพาณิชย์จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการเจรจา พร้อมวางมาตรการเสริมความเข้มแข็งแก่ภาคเอกชนไทย

นอกจากนี้ ยังเดินหน้ามาตรการป้องกันปัญหาหลบเลี่ยงภาษีและการส่งผ่านสินค้า (transshipment) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความโปร่งใสและมาตรฐานสากลต่อรัฐบาลและภาคธุรกิจของสหรัฐฯ

นางศุภจีกล่าวว่า ทั้งสองประเทศต่างต้องการให้การเจรจาบรรลุผลโดยเร็ว เพื่อเสริมเสถียรภาพการค้าและการลงทุนระหว่างกัน พร้อมชี้ว่าความสัมพันธ์อันดีกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะช่วยให้การแลกเปลี่ยนประเด็นสำคัญเป็นไปอย่างราบรื่น

รมว.พาณิชย์ย้ำว่า สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าหลักของไทย รัฐบาลจึงเดินหน้าเสริมความร่วมมือควบคู่กับการขยายตลาดใหม่เพื่อลดการพึ่งพาตลาดเดียว พร้อมผลักดันให้ภาคเอกชนใช้ประโยชน์สูงสุดจากผลการเจรจาต่าง ๆ

“รัฐบาลไทยจะเดินหน้าผลักดันการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง พร้อมปกป้องผลประโยชน์ของภาคการส่งออกไทย และยกระดับศักยภาพสินค้าไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน” นางศุภจี กล่าวย้ำ