"วราวุธ" วอนเยาวชนตระหนักภาวะโลกร้อน เตรียมรับมือเอลนีโญ-ลานีญ่า ย้ำมนุษย์ต้องปรับตัวอยู่กับวิกฤตธรรมชาติ พบข้อมูลน้ำท่วมหาดใหญ่หนักซ้ำ รอบ 25 ปี  

เมื่อวันที่ 5  ธันวาคม 2568   ที่ จ.สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บรรยายพิเศษหัวข้อเรื่อง การอนุรักษ์และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ให้กับนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการสัมมนาการพัฒนาและบริหารจัดการด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ของคณะกรรมการมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร มีนายสรชัด สุจิตต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา และนายวรัตน์ มาประณีต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าร่วม

โดยนายวราวุธ กล่าวตอนหนึ่งว่า หากเราไม่จัดการเรื่องปัญหาที่ดินและสิ่งแวดล้อมแล้วชีวิตของเราทุกคนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่จะต้องรับไม้ต่อนั้นยิ่งจะทวีความรุนแรงหนักหนาสาหัสจากปัจจุบันมากขึ้น เชื่อว่าทุกคนได้ทราบข่าวน้ำท่วมที่ภาคใต้โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลาแล้ว และหลายอำเภอในจังหวัดสุพรรณบุรีเองที่เราจะเห็นว่าก็มีน้ำท่วมอยู่เช่นกัน บางคนบอกว่าท่วมไม่มากแค่ชั้นหนึ่งแต่ยังเหลือชั้นสองไว้ให้อยู่อาศัย บางคนก็บอกว่าโชคยังดีที่ได้เห็นหลังคาบ้านอยู่บ้าง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยนี้หนักขึ้นทุกปี โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่นั้นมีข้อมูลชัดเจนว่าเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ระหว่างวันที่ 22 - 24 พฤศจิกายน 2543 หรือ 25 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์เดียวกันเช่นนี้เป๊ะ คือน้ำท่วม2-3 เมตร ท่วมหลังคาบ้าน มิดรถยนต์ ปีนี้ก็เกิดขึ้นอีกและคาดว่าอีกไม่นานนี้ก็จะเกิดขึ้นอีก หรือแม้แต่ช่วงที่ผ่านมาที่เกิดเหตุอุทกภัยที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีน้ำทะลักมาจากประเทศเมียนมา ทำให้เกิดโคลนถล่ม มีการท่วมซ้ำซาก ทำให้เกิดคำถามว่าช่วง1-2 ปีนี้เกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์ดินฟ้าอากาศ และในวันนี้ซึ่งเป็นช่วงต้นเดือนธันวาคมแต่ก็มีฝนตกฟ้าครึ้ม ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ ตนเองก็ตกใจว่าทำไมปีนี้แปลกประหลาดถึงขนาดนี้ เมื่อช่วงต้นปี 2568 ก็มีอากาศเย็นยาวนานถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ สะท้อนให้เห็นว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก โลก กำลังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และทุกคนในที่นี้คือคนที่จะต้องรับสถานการณ์ดังกล่าว หนีไปไหนก็หนีไม่ได้ แต่เราจะอยู่กับมันอย่างไร จะปรับตัวกับมันอย่างไร เราจะแก้ปัญหาเพื่อบรรเทาความหนักหนาสาหัสนั้นอย่างไร ซึ่งนี่คือหัวใจสำคัญของการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์

นายวราวุธ กล่าวว่า ทุกคนคงเคยได้ยินคำว่า เอลนีโญ-ลานีญา ซึ่งที่เราประสพกันตอนนี้คือปรากฏการณ์ ลานีญา นั่นคือจะหนาวและน้ำเยอะ พอถัดจาก ลานีญา 2-3 ปี ก็จะกลับเข้าไปสู่ เอลนีโญ คือเป็นช่วงที่ร้อนและแล้ง หากย้อนไปเมื่อสองปีที่แล้วสุพรรณบุรีก็ร้อนถึง 40 กว่าองศา จนเกือบ 50 องศา แล้งมาก จนกระทั่งได้เห็นว่าน้ำในอ่างเก็บน้ำกระเสียว อำเภอด่านช้าง น้อยจนกระทั่งส่งผลกระทบต่อระบบประปา แต่พอปลายปีของปีเดียวกันนั้นอ่างเก็บน้ำกระเสียวจะต้องปล่อยน้ำทิ้งถึงวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร นี่คือการเปลี่ยนแปลงของโลกที่หนักขึ้นทุกวันๆ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากฝีมือของมนุษย์ คือจากก๊าซเรือนกระจก นี่คือตัวการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศและสภาพพูมิอากาศของโลก

นายวราวุธ กล่าวว่า กิจกรรมของมนุษย์เราก็พยายามรณรงค์ให้ใช้รถไฮบริด อีวี เพื่อลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์ปล่อยออกมา แต่ตราบใดที่ยังมีมนุษย์อยู่บนโลกเราไม่สามารถกำจัดก๊าซเรือนกระจกได้ เราจึงต้องพยายามปลูกต้นไม้ให้มากขึ้น เพื่อให้มาดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์แล้วคายออกซิเจนออกมา ในสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เคยเสนอว่าการแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ง่ายนิดเดียวคือคนไทยทุกคนจะต้องช่วยกันปลูกต้นไม้คนละต้นทั่วประเทศ แต่ปัญหาในวันนี้คือนอกจากไม่มีใครช่วยปลูกแล้วยังมีแต่ตัดไม้ทำลายป่าจนกระทั่งมีแต่ภูเขาหัวโล้น ปริมาณป่าไม้ลดหายไปนับล้านไร่ อีกทั้งต้นไม้คือส่วนสำคัญในการดึงหน้าดินดูดซับน้ำเอาไว้เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์ มาถึงวันนี้เราก็เห็นผลแล้วว่าการที่ไม่มีต้นไม้ส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์อย่างไร 

นายวราวุธ กล่าวว่า ปีนี้เราเจอลานีญา แต่อีกประมาณ 2 ปีจากนี้ คาดไว้ได้เลยว่าเราจะเจอ อุณหภูมิเกือบ 50 องศา และจังหวัดสุพรรณบุรีของเราก็จะแล้งอย่างที่ไม่เคยแล้งมาก่อน เหล่านี้คือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เราไม่อาจหนีมันได้และคำถามคือ แล้วเราจะปรับตัวให้อยู่กับธรรมชาติอย่างไร หลายคนจะเห็นวิถีชีวิตของชาวสุพรรณบุรี ที่มีลักษณะพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ ชาวสุพรรณบุรีอยู่กับน้ำมาหลายสิบปี จึงมีการปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติโดยปลูกบ้านยกสูง มีเรือผูกอยู่ใต้ถุน นี่คือการปรับตัวอยู่กับธรรมชาติ เราต้องช่วยกันรักษาสมดุลย์สิ่งแวดล้อม เพราะหากไม่รักษาเราก็ได้เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับชาวสุพรรณบุรีและคนไทยบ้าง และธรรมชาติจากนี้ไปจะ เกิดวิกฤตการณ์หนักขึ้น  ท่วมหนักขึ้น แล้งหนักขึ้น ร้อนมากขึ้น หนาวมากขึ้น และคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือพวกเรา ดังนั้นก่อนที่ธรรมชาติจะปรับสมดุลย์ของเขา เรามาปรับตัวเองกันก่อน ก่อนที่ธรรมชาติจะมาปรับสมดุลย์ให้กับเรา เพราะการแก้ปัญหาภัยธรรมชาตินั้น จะหมดงบประมาณไปนับแสนล้านบาท จึงหวังว่าทุกคนเมื่อผ่านการอบรมโครงการนี้แล้วจะนำความรู้ไปส่งต่อให้กับเพื่อนๆ เพื่อช่วยกันปรับตัวเข้ากับธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นให้ได้ เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ รักษาสิ่งแวดล้อมให้อยู่ไปจนถึงลูกหลาน