เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2568   นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสตูล เพื่อติดตามการฟื้นฟูเมืองหลังเกิดอุทกภัย และหารือแนวทางป้องกันน้ำท่วมซ้ำซากอย่างยั่งยืน โดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลงที่ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ ก่อนเดินทางต่อไปยังตลาดสดเทศบาลเมืองสตูล ชุมชนชนาธิป และโรงเรียนบ้านคลองขุด อำเภอเมืองสตูล เพื่อเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยและมอบถุงยังชีพ

นายกรัฐมนตรีระบุว่า แม้ระดับน้ำในจังหวัดสตูลจะลดลงเร็วกว่าหลายพื้นที่ และพื้นที่อาจเล็กกว่า แต่ความเสียหายไม่ได้น้อยกว่า เพราะประชาชนแทบทุกครัวเรือนในตำบลคลองขุดได้รับผลกระทบ รัฐบาลจึงมีหน้าที่เร่งฟื้นฟูทั้งในส่วนของเงินเยียวยา 9,000 บาท เงินซ่อมแซมบ้าน และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ควบคู่กันไป

ขณะลงพื้นที่ตลาดสดเทศบาลเมืองสตูล นายกฯ ได้รับฟังปัญหาจากผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการ และประชาชนเกี่ยวกับประตูระบายน้ำคลองมำบัง ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำระบายลงทะเลไม่สะดวกในช่วงฝนตกหนัก จนน้ำเอ่อท่วมพื้นที่ตลาดและชุมชนโดยรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูลได้นำลงพื้นที่ตรวจดูประตูระบายน้ำดังกล่าว พร้อมชี้แจงข้อร้องเรียนของประชาชน

นายอนุทินกล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำจำเป็นต้องยึดทั้งข้อมูลวิชาการและเสียงของประชาชนในพื้นที่ โดยย้ำว่าหากโครงสร้างใด ไม่มีประโยชน์ หรือสร้างปัญหามากกว่าประโยชน์ก็ต้องกล้าทบทวน แต่จะต้องจัดทำประชาพิจารณ์และรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจรื้อหรือปรับปรุง

 “สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ ไม่ใช่แค่เยียวยาให้จบครั้งนี้แล้วจบกัน แต่ต้องหาวิธีป้องกันระยะยาวอย่างยั่งยืน เราจะไม่ยอมเห็นภาพน้ำท่วมแบบเดิมซ้ำไปทุกปี ใช้งบเยียวยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ปัญหาไม่หาย” นายกฯ กล่าว

นายกรัฐมนตรีชี้ว่า หากเปรียบเทียบกันระหว่างงบประมาณที่ใช้สร้างระบบป้องกันน้ำท่วม เช่น ประตูน้ำ แก้มลิง ระบบระบายน้ำ และโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ กับงบประมาณที่ต้องใช้จ่ายเยียวยาประชาชนทุกครั้งที่เกิดน้ำท่วม จะพบว่า การลงทุนเชิงป้องกันเพียงครั้งเดียว มีความคุ้มค่ามากกว่าในระยะยาว และช่วยลดความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และโอกาสทางเศรษฐกิจของชุมชน

ในโอกาสนี้ นายอนุทินยังกล่าวให้กำลังใจประชาชนว่า รัฐบาลเห็นถึงความเดือดร้อนและความอดทนของพี่น้องชาวสตูลอย่างชัดเจน พร้อมรับผิดชอบในฐานะฝ่ายบริหารที่ต้องทำให้ระบบรองรับภัยพิบัติแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากกว่านี้

“หากใครยังรู้สึกขุ่นข้องหมองใจ ผมขอให้ถือว่าเป็นความผิดของรัฐบาล เราหนีความรับผิดชอบไม่ได้เมื่อประชาชนเดือดร้อน สิ่งที่ทำได้คือขอให้ประชาชนให้อภัย และให้โอกาสเราเร่งทำโครงการป้องกันที่ทำให้ไม่ต้องมาเจอภาพแบบนี้อีก” นายกฯ ระบุ

ทั้งนี้จังหวัดสตูล ได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวหลายแห่ง รองรับผู้ประสบภัยรวมหลายร้อยคน การช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีหน่วยงานรัฐ เหล่าทัพ ภาคเอกชน และอาสาสมัครร่วมสนับสนุน

ตลอดการลงพื้นที่ นายอนุทินได้พบปะพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้า เยี่ยมร้านค้าที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม และมอบถุงยังชีพให้ประชาชน พร้อมย้ำว่า รัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งจังหวัดสตูล และจะเร่งเดินหน้า แผนฟื้นฟูเมืองควบคู่กับแผนป้องกันน้ำท่วมระยะยาว เพื่อให้จังหวัดสตูลสามารถกลับมายืนได้อย่างมั่นคง และลดความเสี่ยงจากอุทกภัยในอนาคตอย่างยั่งยืน