ต้องทำลายให้สิ้นสภาพ! บ่อนคาสิโนเขมรแปรสภาพเป็นที่บัญชาการรบ ชายแดนยังเดือดยอดทหารไทยเสียชีวิตพุ่งเป็น 9 นาย  ทร.แจงยิงถล่มคาสิโนทมอดาตราด เพราะใช้เป็นที่ติดตั้งเสาอากาศควบคุมโดรน  ขณะที่ โฆษกทบ. ยันกัมพูชาตั้งใจใช้พื้นที่โบราณสถานปฏิบัติการทางทหารใช้โจมตีไทย  

เมื่อวันที่ 11  ธันวาคม 2568   กองทัพภาคที่ 2 เผยแพร่ข้อมูลผ่านเพจทางการ SMART Soldiers Strong ARMY ระบุว่า ฝ่ายกัมพูชานำ “บ่อนคาสิโน” ตามแนวชายแดนหลายจุดมาดัดแปลงเป็น ศูนย์บัญชาการรบและสถานีควบคุมโดรน ที่ใช้โจมตีพื้นที่ไทย ทำให้กองทัพไทยจำเป็นต้องใช้อำนาจการป้องกันตนเอง (Right to Self-Defense) ดำเนินปฏิบัติการแบบจำเพาะเจาะจงต่อ เป้าหมายทางทหารเท่านั้น และจำกัดความเสียหายไม่ให้กระทบประชาชน

พิกัดเป้าหมายทางทหาร 5 จุดสำคัญ
ช่องจอม สุรินทร์ – บ่อนโอร์เสม็ด
ช่องอานม้า อุบลราชธานี – บ่อนช่องอานม้า
ช่องสายตะกู บุรีรัมย์ – บ่อนสายตะกู
ตาพระยา สระแก้ว – บ่อนคาสิโนตรงข้าม อ.ตาพระยา
ชำราก ตราด – บ่อนทมอดา

กองทัพไทยยืนยันว่าทุกการโจมตีเป็นการใช้กำลังแบบแม่นยำสูงสุด เพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามที่พุ่งเป้าต่อกำลังพลและประชาชนตามแนวชายแดน

เช้าเดือด ปะทะพร้อมกัน 2 จุดใหญ่
สถานการณ์รุนแรงต่อเนื่องหลังฝ่ายกัมพูชายิงอาวุธหนักข้ามแดนตลอดช่วงเช้า โดยมีจุดปะทะสำคัญ 2 แห่ง ได้แก่
เนิน 500 ช่องบก จ.อุบลราชธานี
บ้านโกมุย ใต้ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ

ฝ่ายไทยรายงานการเสริมกำลังและการขยับแนวปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชาเข้าใกล้เขตแดนมากขึ้น ทำให้หน่วยปฏิบัติการไทยต้องยกระดับความพร้อมเต็มรูปแบบ

ยอดสูญเสียพุ่ง – ทหารไทยเสียชีวิตรวม 9 นาย
ความตึงเครียดที่ยืดเยื้อทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 9 นาย โดยรายล่าสุดคือ พลทหารธนกร สิงหาชาติ สังกัด ร.21 พัน.211 เสียชีวิตจากสะเก็ดปืน ค. ระหว่างปฏิบัติหน้าที่บริเวณ ปราสาทตาเมือนธม ก่อนหน้านี้ไทยสูญเสียกำลังพล 8 นาย จากเหตุปะทะในหลายจุด ทั้งช่องบก เนิน 677 ปราสาทคนา ภูมะเขือ บึงตะกวน และฐานปฏิบัติการ 225

กองทัพไทยย้ำหลักปฏิบัติ 3 ข้อ
ไทยไม่ใช่ฝ่ายเริ่มโจมตี
การตอบโต้เป็นการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายสากล
จำกัดผลกระทบไม่ให้กระทบพลเรือนและโบราณสถาน
อพยพด่วนหลายอำเภอ – เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว

ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนหลายพื้นที่สั่งเคลื่อนย้ายชาวบ้านออกจากรัศมียิงของอาวุธฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว  อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

หน่วยทหารช่างลงพื้นที่ตรวจความเสียหายบ้านเรือน จุดเกิดเพลิงไหม้ และอพยพผู้สูงอายุ–เด็กเล็กออกจากพื้นที่เสี่ยงเป็นการเร่งด่วน

ต่างประเทศจับตา – การทูตไทยยังเดินหน้าเรียกร้องหยุดยิง
หลายประเทศติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ขณะที่ฝ่ายการทูตไทยยังคงผลักดันให้กัมพูชาหยุดการโจมตีและกลับเข้าสู่การเจรจา แต่ยังไม่พบสัญญาณคลี่คลายความตึงเครียด

รายชื่อทหารไทยเสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดน (ลำดับ 1–9)
ช่วง 7–11 ธันวาคม 2568
1. จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต – ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลฯ (8 ธ.ค.)
2. พลทหาร วายุ ขวัญเสือ – ฐานปฏิบัติการ 225 จ.สุรินทร์ (9 ธ.ค.)
3. ส.อ.ชวกร เดชขุนทด – บริเวณพระวิหาร (9 ธ.ค.)
4. ส.ท.จิระวัฒน์ มุ่งกลาง – เนิน 677 ช่องอานม้า (9 ธ.ค.)
5. พลทหาร เทิดศักดิ์ ศรีลาชัย – ปราสาทคนา (10 ธ.ค.)
6. จ.ส.อ.อนันดา อุดร – ภูมะเขือ (10 ธ.ค.)
7. พลทหาร ธนรัตน์ จันทร์ประทัด – บึงตะกวน–บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา (10 ธ.ค.)
8. พลทหาร ชาญชัย ผดุงโชค – ร.112 พัน.3 (10 ธ.ค.)
9. พลทหาร ธนกร สิงหาชาติ – ปราสาทตาเมือนธม (รายงาน 11 ธ.ค.) 

หน่วยความมั่นคงเตือนปะทะแรงขึ้น-ขยายแนวรบ ย้ำห้ามใช้มือถือเขมรจับสัญญาณโจมตี 

เพจ Army Military Force โพสต์ข้อความระบุว่า ด่วน!! เช้าวันนี้ (11 ธ.ค.) เกิดการปะทะอย่างดุเดือดระหว่างทหารไทยและกัมพูชาตลอดแนวรบ ตั้งแต่พื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 เรื่อยไปจนถึงจังหวัดจันทบุรีและตราด ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) โดยทหารทั้ง 2 ฝ่ายมีการดวลปืนใหญ่และปืน ค. และอาวุธหนักใส่กันอย่างต่อเนื่อง

ด้านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดตราด (สวท.ตราด) รายงานว่า หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงบริเวณชายแดน 100% เนื่องจากคาดว่าจะมีการปะทะที่รุนแรงและขยายแนวรบเพิ่ม พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า งดนำสิ่งของไปมอบในพื้นที่เสี่ยง และห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในพื้นที่เสี่ยงโดยเด็ดขาด เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาสามารถจับสัญญาณเพื่อใช้ในการโจมตีได้

โฆษกทบ. ยันกัมพูชาตั้งใจใช้พื้นที่โบราณสถานปฏิบัติการทางทหารใช้โจมตีไทย  

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (โฆษก ทบ.) กล่าวถึงกรณีกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพไทย โจมตีในพื้นที่ปราสาทตาควาย และอ้างถึงการโจมตีของฝ่ายไทยสร้างความเสียหายแก่ปราสาทพระวิหาร ว่า ประเทศไทยยึดมั่นใน อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ. 1954 ว่ากรณีความขัดแย้งทางอาวุธ ซึ่งกำหนดให้โบราณสถาน ต้องได้รับการคุ้มครอง และห้ามการโจมตีหรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ อนุสัญญา ฯ มีข้อยกเว้นที่ระบุไว้ชัดเจนหากมีการนำโบราณสถานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร เช่น การตั้งฐานที่มั่น การควบคุมการปฏิบัติการ การเป็นจุดซุ่มยิง หรือใช้เป็นพื้นที่เตรียมการโจมตี พื้นที่ดังกล่าวอาจ สูญเสียความคุ้มครองในทางกฎหมายเป็นการชั่วคราว ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหาร

พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า ดังนั้น เมื่อฝ่ายกัมพูชาตั้งใจใช้อาณาบริเวณโบราณสถานเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร รวมถึงใช้เป็นที่ตั้งระบบตรวจการณ์ และที่ตั้งระบบอาวุธยิงเพื่อใช้โจมตีต่อฝ่ายไทย ทำให้พื้นที่ดังกล่าวจึงเข้าข่าย เป็นพื้นที่ที่สูญเสียความคุ้มครองชั่วคราว ตามอนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ. 1954 ซึ่งกรณีพื้นที่ปราสาทตาควาย และ พื้นที่ปราสาทพระวิหาร ถูกฝ่ายกัมพูชานำมาใช้ เพื่อการปฏิบัติการทางทหาร โดยใช้เป็นที่ตั้งระบบอาวุธยิง เป็นคลังเก็บกระสุนวัตถุระเบิด และทุ่นระเบิด สำหรับใช้โจมตีทำร้ายฝ่ายไทย ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพปรากฏให้เห็นอยู่ตามสื่อโซเชี่ยลได้ทั่วไป จึงควรเป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่เป็นฝ่ายที่ทำผิดกฎหมายมนุษยธรรม และทำผิดกติกาสากลเอง ฃรวมถึงเป็นฝ่ายที่ไม่เห็นคุณค่าในมรดกทางวัฒนธรรม

พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า ฝ่ายไทยจึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะ ปกป้องภัยคุกคามเหล่านั้นได้ตามความเหมาะสมและได้สัดส่วน ตามหลักกติกาสากล เป็นไปตามความจำเป็นเนื่องจากจากฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้บีบบังคับ

ทร.แจงยิงถล่มคาสิโนทมอดาตราด เพราะใช้เป็นที่ติดตั้งเสาอากาศควบคุมโดรน 

นาวาเอก นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ ตอบคำถาม ถึงการปฏิบัติการในหลายพื้นที่ต่อคาสิโน เพราะใช้เป็นฐานทัพแล้ว ก็เป็นจุดตั้งสแกมเมอร์ด้วย ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหรือไม่ ว่า ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ จะเป็นตึกที่เคยใช้เป็นคาสิโน แต่ปัจจุบันเป็นตึกร้าง ไม่ได้ถูกใช้เป็นอาคารของสแกมเมอร์ ซึ่งกัมพูชามีการดัดแปลงอาคารด้วย

การติดตั้งเสาอากาศควบคุมโดรนโจมตี และเสาอากาศแอนตี้โดรน ฝ่ายไทยเราจึงจำเป็นต้องโจมตึกนี้ เพื่อลดการปฏิบัติคุกคามฝ่ายไทย