เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2568  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีการสมคบกันในความผิดฐาน ฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงินสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นเวลานานกว่า 9 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษ (บอร์ด กคพ.) มีมติให้รับเป็นคดีพิเศษ โดยคณะพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องหลายร้อยคน จัดทำเหตุการณ์จำลอง ทั้งสถานที่ใช้เลือกตั้ง สว.และกระบวนการคัดเลือก พร้อมขอรับภาพเคลื่อนไหวจากกล้อง วงจรปิดวันเกิดเหตุจากหลายหน่วยงาน ตรวจสอบร่องรอยทางการเงิน พบว่ามีความเชื่อมโยงกัน 1,200 คน พบว่ามีผู้ช่วย สว. และ สว.เกี่ยวข้องในพื้นที่ 45 จังหวัด เป็นเหตุให้คณะพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกอดีตผู้สมัคร สว.ในฐานะพยาน 1,200 ราย เพื่อเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม

ทั้งนี้ อธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหน่วยงานภายในสังกัด 10 กองคดี เป็นคณะพนักงานสอบสวน เร่งสอบปากคำพยาน อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าผู้ต้องหา ทั้งหมด ได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษร ส่วนใหญ่ปฏิเสธ ทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการฮั้ว สว.เมื่อคณะพนักงานสอบสวนและอัยการ ร่วมกันตรวจทานคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา แล้ว พบว่าไม่สามารถหักล้าง ข้อกล่าวหาและพยานหลักฐาน ในความผิดฐานอั้งยี่ฯ และฟอกเงิน ได้ จึงมีมติเห็นพ้องให้สรุปสำนวนส่งฟ้อง ผู้ต้องหาลอตแรก 8 ราย ไปยังอัยการคดีพิเศษ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของอัยการต่อไป

ทั้งนี้มีรายงานว่า การประชุมคณะทำงานพนักงานอัยการร่วมสอบสวนคดีพิเศษ เลขที่ 24/2568 ซึ่งเดิมกำหนดจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5/2568 ในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 อาจถูกเลื่อนออกไปโดยยังไม่มีกำหนดวันประชุมใหม่อย่างเป็นทางการ ส่งผลให้สังคมให้ความสนใจต่อความคืบหน้าของคดีดังกล่าว

กระแสสาธารณชนตั้งข้อสังเกตถึงเหตุผลของการเลื่อนประชุม โดยคาดหวังให้การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างโปร่งใสและรอบคอบ ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ทนายความรายหนึ่งได้เปิดเผยข้อมูลและเอกสารเกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในคดีต่อสื่อมวลชนแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม โดยหลายฝ่ายเห็นว่าควรมีการพิจารณาอย่างละเอียดเพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏอย่างชัดเจน

ก่อนหน้านี้ นายธนวัฒน์ ศรีสุข ตัวแทนกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาสำรอง เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อัยการสูงสุด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีอัยการสอบสวน และอธิบดีอัยการคดีพิเศษ เพื่อขอให้การดำเนินคดีเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม และยึดหลักนิติธรรม

ทั้งนี้ ผู้ติดตามสถานการณ์คาดหวังให้พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการดำเนินการด้วยความรอบคอบ ไม่ละเลยต่อข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนและสังคมในกระบวนการยุติธรรม