วันอาทิตย์ ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2568 01:58 น.

การเมือง

“สุไพรพล เพ็ญแข” ชี้ 3 เหตุผลจำเป็นต้องปรับแก้ “นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่” หลังพบปัญหาการเข้าถึงบริการของประชาชน

วันเสาร์ ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 09.20 น.

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2568 นายสุไพรพล เพ็ญแข หรือ “ป๊อบ” ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 33 บางพลัด–บางกอกน้อย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายด้านสาธารณสุขที่เตรียมนำเสนอในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยระบุว่า ตนเติบโตมาในยุคของโครงการ “30 บาทรักษาทุกโรค” ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่เปลี่ยนแปลงระบบสาธารณสุขของประเทศ และทำให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างเท่าเทียม

นายสุไพรพล กล่าวว่า ก่อนมีโครงการดังกล่าว คนจนจำนวนมากไม่กล้าเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากภาระค่าใช้จ่ายสูง และบางกรณียังประสบปัญหาการปฏิเสธการรักษา หรือการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งสะท้อนถึงความไม่เป็นธรรมในระบบสาธารณสุข โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคจึงถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ยกระดับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และสร้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับคนไทยอย่างแท้จริง

ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย รายนี้ กล่าวต่อว่า เมื่อได้ลงพื้นที่หาเสียงในเขตบางกอกน้อยและบางพลัด ซึ่งมีประชาชนรายได้น้อยและผู้สูงอายุจำนวนมากที่ยังต้องพึ่งพาระบบหลักประกันสุขภาพ ทำให้เห็นชัดว่านโยบายดังกล่าวยังคงเป็นที่ต้องการของประชาชน และเป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่ทำให้พรรคไทยรักไทยในอดีต และพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนมาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี

อย่างไรก็ตาม นายสุไพรพล ระบุว่า จากการลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของประชาชนหลายร้อยราย พบว่า ภายหลังการปรับนโยบายมาเป็น “30 บาทรักษาทุกที่” กลับเกิดเสียงสะท้อนถึงปัญหาในการปฏิบัติจริง โดยสามารถสรุปเป็นประเด็นสำคัญได้ 3 ข้อ

ประเด็นแรก คือ ปัญหาการบริหารจัดการภายใต้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ส่งผลให้สถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการจำนวนไม่น้อยต้องยุติการให้บริการ เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายได้ เมื่อสถานพยาบาลปิดตัว ประชาชนที่ขึ้นทะเบียนอยู่ต้องถูกย้ายสิทธิไปยังสถานพยาบาลอื่น ซึ่งมักอยู่ไกลออกไป ทำให้ต้องเสียค่าเดินทางเพิ่ม บางรายต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายร้อยบาท หรือผู้สูงอายุต้องว่าจ้างผู้อื่นไปดูแล ส่งผลให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้น

ประเด็นที่สอง คือ สถานพยาบาลที่ปิดตัวลงจำนวนมากยังไม่มีความชัดเจนว่าจะกลับมาเปิดให้บริการอีกเมื่อใด ทำให้พื้นที่ที่เคยมีสถานพยาบาลใกล้บ้านกลับกลายเป็นพื้นที่ที่ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้เหมือนเดิม

และประเด็นที่สาม คือ ระบบการแบ่งระดับบริการเป็นปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ แม้จะถูกต้องในเชิงทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติกลับสร้างปัญหาให้กับผู้ป่วยจำนวนมาก โดยเฉพาะกรณีที่อาการรุนแรงขึ้น ต้องถูกส่งต่อไปยังสถานพยาบาลอื่น บางรายอยู่ในภาวะวิกฤต และมีรายงานว่าบางกรณีเกิดการเสียชีวิตระหว่างการส่งตัว

นายสุไพรพล กล่าวย้ำว่า ปัญหาดังกล่าวถือเป็นประเด็นสำคัญที่จำเป็นต้องเร่งแก้ไข ซึ่งอาจไม่สามารถแก้ได้โดยรัฐบาลฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยการปรับปรุงกลไกการทำงานของ สปสช. อย่างจริงจัง พร้อมระบุว่า หากได้รับเลือกตั้ง ตนจะผลักดันการตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางแก้ไข เพื่อให้ “30 บาทรักษาทุกที่” สามารถรักษาได้ทุกที่อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงในทางนโยบาย แต่ต้องลดภาระค่าใช้จ่ายและความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้ตามเจตนารมณ์เดิมของโครงการ

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง