วันที่ 2 ต.ค.62 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 74/1 หมู่ที่ 4 ต.ทางพระ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง หลังทราบว่าที่บ้านหลังดังกล่าวได้มีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนางสาวประทิน  คลังชนะ อายุ 37 ปี หลังไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลโพธิ์ทอง อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง แล้วเกิดตกเลือดเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 62 เวลา 10.30 น. โดยเมื่อเดินทางไปถึงพบบ้านดังกล่าวเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น บริเวณชั้นล่างของบ้านได้มีการตั้งหีบศพของนางสาวประทิน โดยบรรยากาศภายในบ้านเป็นไปอย่างโศกเศร้า ญาติพี่น้องช่วยกันจัดเตรียมงานศพกันคนละไม้ละมือ

 

จากการสอบถามนายวิเชียร  บุญจรัส อายุ 47 ปี สามีของนางสาวประทิน ผู้ตาย กล่าวว่า ภรรยาของตนตั้งท้องลูกคนนี้เป็นคนที่ 3 โดยคนแรกเป็นลูกสาวอายุ 18 ปี ส่วนคนที่สองเป็นลูกชายอายุ 3 ปี และคนสุดท้องเป็นลูกสาวที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงแค่ 3 วัน ภรรยาของตนนั้นก่อนที่จะเสียชีวิตเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ทำงานอยู่โรงงานที่อยุธยา เมื่อตั้งครรภ์ก็ฝากท้องไว้ที่โรงพยาบาลโพธิ์ทองและไปพบหมอทุกครั้งที่หมอนัด และเมื่อวันที่เกิดเหตุตอนนั้นตนทำงานอยู่ที่อยุธยา ภรรยาของตนลาเพื่อเตรียมจะคลอดลูกอยู่กับบ้าน โดยนัดคลอดจริง ๆ วันที่ 12 ต.ค.  และเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ภรรยาของตนเกิดเจ็บท้อง น้ำเดิน ทางญาติก็ได้พาไปโรงพยาบาลโดยมีรถกู้ชีพของทางเทศบาลตำบลทางพระเป็นผู้ช่วยเหลือนำส่ง แล้วตนมารู้อีกที่ญาติโทรไปแจ้งว่าภรรยาของอาการหนัก และพอทราบว่าภรรยาตนเสียชีวิต ตนพูดอะไรไม่ออกเลย ไม่คิดว่าจะมาตายจากกันเร็วแบบนี้

 

ด้านนางปิยะมาศ  คลังชนะ อายุ 39 ปี พี่สาวของนางสาวประทิน กล่าวว่า น้องสาวของตนเจ็บท้องวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งตรงกับวันที่หมอนัดตรวจ ซึ่งตื่นเช้ามาน้องของตนเจ็บท้อง น้ำคร่ำเดิน ตนจึงได้ให้หลานสาวพาไปโรงพยาบาลก่อน โดยรถกู้ชีพจากเทศบาลทางพระเป็นคนช่วยเหลือนำส่ง ส่วนตนก็รีบเดินทางตามไป เมื่อไปถึงโรงพยาบาลทางเจ้าหน้าที่ก็ได้รีบนำตัวเข้าห้องคลอด ประมาณ 5 นาที น้องสาวของตนก็คลอดลูกออกมาตามวิธีธรรมชาติ โดยเจ้าหน้าที่ออกมาบอกว่าได้ลูกสาวสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี พวกตนก็ได้เข้าไปดูหลาน ซึ่งตนเป็นคนอุ้มหลานอยู่กับอก 

 

ระหว่างนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ทำการเย็บแผลให้น้องของตน สักพักตนได้ยินเสียงน้องตนร้อง ต่อมาประมาณ 30 นาที ทางเจ้าหน้าที่ก็มาบอกกับพวกตนว่าคนไข้ความดันต่ำลงเริ่มมีอาการช็อค จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ช่วยกันช่วยเหลือปั้มหัวใจน้องของตนอยู่หลายรอบ และสักพักตนก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ตะโกนเรียกน้องสาวของตนเสียงดังว่าคนไข้ๆๆๆ โดยตะโกนเรียกเสียงดังมาก พวกตนก็ตกใจ แล้วช่วงเวลาประมาณ 9-10 โมง เจ้าหน้าที่ก็ให้พวกตนไปตามพ่อและแม่ของตนมาคุย โดยแจ้งว่าน้องสาวตนตกเลือดแล้วเกิดภาวะช็อคหัวใจหยุดเต้น ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งให้การช่วยเหลือ โดยช่วยกันปั้มตลอดเวลา และทราบว่าทางโรงพยาบาลโพธิ์ทองเตรียมแผนที่จะส่งน้องสาวของตนไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอ่างทอง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด โดยรถก็มาจอดเตรียมพร้อมนำส่ง 

 

แต่ตนเห็นท่าไม่ดีจึงโทรตามนายวิเชียร สามีของน้องสาวตนกลับมา แต่ยังไม่ทันได้ย้ายน้องสาวตน น้องสาวของตนก็มารู้ว่าอาการน้องของตนอาการแย่ลงเรื่อย ๆ จนเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าตอนนี้ทางโรงพยาบาลก็ช่วยกันสุดกำลัง ซึ่งหากช่วยจบครบภายใน  2 ชั่วโมงนี้แล้ว ตนไม่มีอาการตอบสนองก็คงต้องยุติ เพราะทางเจ้าหน้าที่ก็ช่วยเต็มที่แล้ว ซึ่งจังหวะที่เจ้าหน้าที่มาแจ้งนั้นมันก็เหลือเพียงไม่กี่นาทีก็ครบ 2 ชั่วโมง ซึ่งก็เป็นจังหวะที่นายวิเชียรมาถึงพอดี นายวิเชียรมาถึงได้ครู่เดียวน้องสาวของตนก็เสียชีวิตลง 

 

โดยสภาพนั้นร่างกายซีดเหลือง ใบหน้าบวม ซึ่งหลังจากที่น้องสาวของตนเสียชีวิต พวกตนและญาติ ๆ ทุกคนต่างตกใจและงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่ช็อคมาก เพราะว่าก่อนหน้านี้น้องสาวของตนร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่น่าเชื่อที่มาถึงโรงพยาบาลแล้วจะมาคลอดลูกแล้วตกเลือดตายแบบนี้ และที่สำคัญก่อนที่น้องสาวของตนจะอาการแย่ ไม่เห็นทางโรงพยาบาลจะมาแจ้งอาการของน้องสาวให้พวกตนทราบ มาบอกก็ตอนที่ช็อคไปแล้ว ซึ่งหลังจากเกิดเหตุคนที่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล รู้ถึงกับตกใจบอกกับตนว่าสมัยนี้มันไม่มีแล้วนะ คลอดลูกแล้วตายเนี่ย สมัยนี้แล้วไม่ใช่สมัยก่อน ถ้าพวกเขามีญาติตั้งท้องก็ไม่อยากมาฝากท้องที่นี้แล้ว เพราะกลัวจะเป็นเหมือนน้องสาวตน

 

ด้านนายแพทย์มีโชคชัย วิเศษสิทธิโชค ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโพธิ์ทอง ชี้แจงว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนางสาวประทินที่เสียชีวิต โดยไม่ว่าจะตนทีมแพทย์หรือพยาบาลทุกท่านต่างแสดงความเสียใจทุกคน ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 06.30-07.00 น. หลังจากทนางสาวประทินมาคลอดบุตรแล้วเกิดการตกเลือดแล้วมีภาวะช็อค ซึ่งแพทย์และพยาบาลได้ระดมกำลังกันให้การช่วยเหลือ มีการปั้มหัวใจและประสานหาทางช่วยเหลือกับกับทางโรงพยาบาลอ่างทองตลอดเวลา แต่เนื่องจากตอนนั้นนางสาวประทินอาการแย่ลงเรื่อย ๆ ทางเจ้าหน้าที่ช่วยกันอย่างสุดกำลังดูแลตามมาตรฐานทุกอย่าง แต่อาการของนางสาวประทินนั้นยังไม่พร้อมส่ง ซึ่งตอนนั้นหากฝืนส่งไปแล้วอาการไปแย่บนลงอีก การช่วยเหลือจะเป็นไปอย่างยากลำบาก ซึ่งช่วยกันอย่างสุดกำลังสุดความสามารถ แต่มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ  เบื้องต้นทางโรงพยาบาลก็ได้ประสานไปทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเข้าไปดูแลครอบครัวตั้งแต่วันแรก วันรดน้ำศพ ส่งพวงหรีดแสดงความเสียใจ และติดต่อประสานสำนักงานประกันสังคมในการช่วยเหลือตามสิทธิที่นางสาวประทินพึงจะได้รับ