วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568 12:41 น.

ภูมิภาค

“ข้าวจี่” ขนมยอดนิยม มาพร้อมลมหนาวขายดี

วันพฤหัสบดี ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562, 16.34 น.

“ข้าวจี่” ขนมยอดนิยม
มาพร้อมลมหนาวขายดี

เมื่อถึงฤดูหนาว อากาศหนาวเย็น ตามชนบทมักจะพบเห็นคนเฒ่า คนแก่และลูกหลาน นั่งล้อมรอบกองไฟผิงไฟ พร้อมปิ้งข้าวเหนียวทาเกลือ หรือชาวอีสาน เรียกว่า ข้าวจี่ รับประทานไปด้วยผิงไฟไปด้วย เพื่อคลายหนาว

 


 

ด้วยเหตุนี้ จึงมีพ่อค้า แม่ค้าพลิกวิกฤติภัยหนาว เป็นโอกาส โดยนำภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ได้รับการบอกสอน ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เอาข้าวเหนียวทาเกลือทำเป็นขนมเรียกว่า ขนมข้าวจี่ ยืนปิ้งขาย ตามตลาดในตัวเมืองอำนาจเจริญ เป็นประจำทุกปี สร้างรายได้เป็นอย่างดี
 

นางกัลยา อยู่หิรัญ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 270 หมู่ที่ 12 ต.บุ่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ แม่ค้าขายข้าวจี่ยอดนิยม บอกว่า ข้าวจี่ จะมีให้รับประทานเฉพาะฤดูหนาว ช่วงอากาศหนาวเย็นเท่านั้น เนื่องจาก ขนมข้าวจี่ จะต้องย่างหรือปิ้งที่เตาไฟตลอดเวลา จึงมีผู้ขายและผู้ชื้อ ยืนล้อมวงช่วยกันปิ้งข้าวจี่พลิกไปมา พร้อมพูดคุยกัน บางคนก็จะยืนกินไปด้วย เพื่อบรรเทาความหนาวเย็น โดยเฉพาะนำข้าวใหม่มาทำเป็นข้าวจี่ จะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ เป็นที่นิยมมาก ซึ่งข้าวจี่ที่ จ.อำนาจเจริญ มี 2 แบบ คือ ข้าวจี่โบราณและข้าวจี่สมัยใหม่ ประยุกต์มาจากข้าวจี่โบราณ ซึ่งมีรสชาติไม่แตกต่างกันมากนัก จึงมีผู้คนหาซื้อข้าวจี่ทานแทนข้าวกันมาก ทำให้ร้านขายขนมประเภทต่างๆ จะต้องทำข้าวจี่ขายควบคู่กันไปด้วย เพราะช่วงนี้ ข้าวจี่ มาแรงขายดีมาก

 


 

นางกัลยา อยู่หิรัญ อายุ 65 ปี แม่ค้าข้าวจี่โบราณเล่าถึงที่มาของการทำข้าวจี่โบราณว่า สมัยเด็กๆ เมื่อถึงฤดูหนาว อากาศโดยทั่วไปหนาวเย็น พ่อ แม่ ก็จะก่อไฟผิงที่ใต้ถุนบ้าน ระหว่างนั่งผิงไฟ ก็จะมีการปั้นข้าวเหนียวลักษณะกลมๆเท่าไข่ไก่ หรือไม่ก็ใหญ่กว่าไข่ไก่ แล้วทาเกลือ นำมาปิ้งที่กองไฟ ปิ้งข้าวจี่พลิกไปมาจนมีสีเหลือง พ่อ แม่ ก็จะแบ่งให้กิน ด้วยรสชาติหอมมันเค็มนิดๆ กินจนอิ่มท้อง โดยไม่ต้องกินอาหารอะไรเลย จึงเป็นการเรียนรู้การทำข้าวจี่ ปิ้งข้าวจี่ มาตั้งแต่เด็ก
 

ต่อมาเมื่อแต่งงาน มีครอบครัว และพ่อ แม่ เสียชีวิตทั้งหมด จึงได้นำเอาความรู้จากการทำข้าวจี่ ปิ้งข้าวจี่ ทำไปจำหน่ายยังตลอดสดเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ในช่วงหน้าหนาวทุกปี โดยเฉพาะช่วงนี้ อากาศเริ่มหนาวเย็น ข้าวจี่โบราณ ขายดีมาก จากที่เคยทำขาย ใช้ข้าวเหนียววันละ 10 กิโลกรัม เพราะมีผู้บริโภคเพิ่มขึ้น จึงต้องใช้ข้าวเหนียวเพิ่มเป็นวันละ 20-30 กิโลกรัม สร้างรายได้เป็นอย่างดี

 


 

สำหรับวิธีทำข้าวจี่โบราณ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เริ่มแรกให้แช่ (หม่า) ข้าวเหนียว จนได้ที่ แล้วนำไปนึ่งให้สุก ต่อมานำข้าวเหนียวสุกมาปั้นเท่าฝ่ามือโรยด้วยเกลือ แล้วเอาไปวางที่เหล็กปิ้งบนเตาไฟ พลิกไปมา จนข้าวเหนียวออกสีเหลืองอมส้ม ก็สามารถรับประทานได้ จำหน่ายก้อนละ 10 บาท ซึ่งที่นี่จะแถมแจ่วให้ 1 ถุงเล็ก เพื่อจิ้มกับข้าวเหนียว เรียกว่าข้าวจี่โบราณ ที่มีรสชาติอร่อยแซ่บถึงใจ นอกจากนี้ยังขายปิ้งเนื้อ ปิ้งตับไก่ ปิ้งหมูควบคู่กันด้วย
 

นางกัลยา อยู่หิรัญ กล่าวว่า ด้วยอายุมากแล้วจึงให้สะใภ้สืบทอดการขาย ข้าวจี่โบราณและอาหารอีสานหลายอย่างแทน ซึ่งตนก็มาช่วยขายเป็นบางเวลาเท่านั้น

 

 

นางเพ็ญนภา เกษดี อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 หมู่ที่ 6 ต.บุ่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ แม่ค้าขายข้าวจี่สมัยใหม่ บอกว่า ถ้าถึงฤดูหนาว ก็จะปั้นข้าวจี่สมัยใหม่ขาย เพราะลูกค้ากำลังนิยมรับประทานมาก ซึ่งขายก้อนละ 10 บาท
 

สำหรับวิธีทำข้าวจี่สมัยใหม่ หรือข้าวจี่ประยุกต์ เริ่มแรก ให้เอาข้าวเหนียวที่นึ่งจนสุกแล้ว ไปคลุกเคล้ากับกะทิมะพร้าว เรียกว่า ข้าวเหนียวมูล ต่อมา นำไข่ไก่ ตอกใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ใส่น้ำปลาลงไป ตีไข่ให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำข้าวเหนียวมูลปั้นเป็นก้อนเท่าลูกไข่ไก่แล้วชุบกับไข่ไก่ทาให้ทั่ว ต่อมานำไปปิ้งที่เหล็กปิ้งบนเตาถ่าน พริกไปมาจนข้าวเหนียวมูลมีสีเหลืออมส้ม ก็เป็นอันแล้วเสร็จ ด้วยรสชาติหอมอร่อย ทานแล้วร่างกายอบอุ่น คลายหนาวได้ระดับหนึ่ง จึงมีลูกค้านิยมทานกันมากในช่วงนี้.
 


สนธยา ทิพย์อุตร/ รายงาน 

หน้าแรก » ภูมิภาค