วันเสาร์ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 11:20 น.

ภูมิภาค

รร.ปทุมวิไล แจงปมม.6ใช้แก้วกรีดคอเพื่อน ยันไม่ได้ปิดข่าว ลั่นต้องปกป้องนร.

วันจันทร์ ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2562, 14.55 น.
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 ธันวาคม 2562 ที่โรงเรียนปทุมวิไล ตำบลบางปรอก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่วมกับโรงเรียนปทุมวิไลชี้แจงกรณี เด็กนักเรียน ม.6 ใช้แก้วกรีดคอเพื่อนภายในโรงอาหารของโรงเรียน เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา จากกรณีที่ สังคมทวิตเตอร์พร้อมใจติดแฮชแท็ก รร.ชื่อดังย่านปทุม หลังมีข่าวว่านักเรียน ม.6 กรีดคอหนุ่ม ม.6 จนบาดเจ็บในโรงเรียน ทำเอาติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับสูง โดยถูกแชร์และแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย รวมทั้งให้ข้อมูลว่าโรงเรียนสั่งให้ปิดข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
 
นายศราวุธ ฤทธิ์จอหอ ครูฝ่ายกิจการนักเรียน กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2562 ซึ่งเป็นวันสอบกลางภาคของโรงเรียนปทุมวิไล และเป็นช่วงของการพักกลางวันของเด็ก เวลาประมาณ 10.50 น. เกิดบริเวณโรงอาหาร ขณะนั้นผมอยู่กองกลางของสนามสอบเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นบริเวณด้านหน้าของโรงอาหาร ได้เห็นเหตุชุลมุนของเด็ก ผมจึงเข้าไปห้ามเด็กที่ชุลมุน หลังจากที่เราห้ามเด็กพบว่ามีเด็กได้รับบาดเจ็บที่บริเวณคอ จากนั้นประสานรถพยาบาลเพื่อไปส่งเด็กที่โรงพยาบาลปทุมธานี และได้แจ้งไปยังผู้อำนวยการของโรงเรียนให้ท่านได้ทราบ ระหว่างนั้นได้แจ้งไปยังผู้ปกครองของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บให้เขาได้รับทราบเพื่อให้มาที่โรงพยาบาล ซึ่งทางผู้อำนวยการฯก็ได้ไปเฝ้าอยู่ก่อนแล้ว ส่วนเด็กที่ทำร้ายร่างกายเพื่อน ได้ถูกนำตัวมาที่ห้องกิจการนักเรียน ฝ่ายปกครอง โดยทางโรงเรียนได้ประสานครูประจำชั้นให้เข้ามาพูดคุย เพราะว่าเป็นครูที่เด็กมีความไว้ใจ หลังจากเด็กที่ได้รับบาดเจ็บได้รักษาที่โรงพยาบาลแล้วจึงได้กลับมาที่โรงเรียน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกัน ซึ่งผู้ปกครองฝ่ายที่เกิดเหตุยินดีที่จะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจากการรักษา จากนั้นจะนำลูกไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการทางจิต เพื่อเด็กที่บาดเจ็บได้รับทราบว่าผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิต เขาก็ไม่ได้ติดใจเอาความเพื่อน ทั้งสองฝ่ายจึงยอมตกลงกันด้วยดีและได้แยกย้ายกันไป โดยฝ่ายผู้บาดเจ็บได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองปทุมธานี
 
ดร.เอกพรต สมุทธานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนปทุมวิไล กล่าวว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่าทางโรงเรียนปิดข่าว โดยมีข้อความว่าทางโรงเรียนบังคับให้ผู้ปกครองไม่แจ้งความเพื่อปิดข่าว ซึ่งสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้โดยการตรวจสอบการลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองปทุมธานี เป็นปกติโดยเหตุการณ์ทั้งหมดเสร็จสิ้นภายในวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562 ส่วนผมได้ทำบันทึกเพื่อรายงานไปยังเขตพื้นที่ฯ แสดงให้เห็นว่าไม่มีการปิดข่าวแต่อย่างใด ในส่วนของที่มีการสั่งให้เก็บภาพถ่ายและสั่งให้ลบภาพถ่ายในโทรศัพท์ ในส่วนของผมอยากจะถามย้อนกลับไปว่าท่านเป็นสื่อมวลชน ท่านเอาภาพเด็กลงสื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ยังมีการเซ็นเซ็นต์เป็นหน้าปิดตา แต่เด็กนักเรียนของเราถ้าหากถ่ายภาพแล้วโพสภาพเลย ท่านคิดว่าปัญหาเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับใคร จะเกิดกับผม เกิดกับผู้ก่อเหตุ เกิดกับเด็กที่ถูกทำร้าย หรือเกิดกับคนส่ง ผมมีความจำเป็นจะต้องดูแลลูก ๆ ของผมจำนวน 3,200 คน ซึ่งเหตุการณ์นี้ทางโรงเรียนได้สั่งให้พวกลูก ๆ เก็บภาพไว้ก่อน ห้ามส่งขึ้นอินเตอร์เน็ท แต่มีเด็กบางคนไม่เข้าใจว่าเราไม่ต้องการให้ภาพที่ไม่เหมาะสมขึ้นไปบนเว็บไซด์ต่าง ๆ เท่านั้นเอง ทางโรงเรียนไม่ได้ปิดข่าวได้รายงานไปยังผู้ว่าการเขตสถานศึกษา กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และได้ทำบันทึกขั้นตอนการดำเนินการต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าผมไม่ได้ผิดข่าว ส่วนที่ว่าจะดำเนินการกับผู้ที่โพส ขณะนี้ผมยังไม่ทราบเลยว่าใครเป็นผู้โพส ซึ่งทางโรงเรียนไม่ได้ติดใจว่าใครจะโพส เราไม่ได้ปิดข่าว แต่เราต้องปกป้องสิทธิ์ของเด็กทั้งผู้กระทำ ผู้ถูกกระทำ และผู้ที่กำลังจะโพสเอง ในส่วนของการศึกษาของเด็กผู้ก่อเหตุนั้นทางโรงเรียนไปได้ไล่ออกแต่อย่างใดแต่จะหาทางจัดการศึกษาให้เขาจนจบ โดยทางโรงเรียนสามารถทำได้หลายรูปแบบ ซึ่งอยู่ที่ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นผู้ป่วยมีอาการทางจิตว่ามีความพร้อมที่จะมาเรียนที่โรงเรียนหรือไม่ หากไม่สามารถมาเรียนที่โรงเรียนทางโรงเรียนก็จะมีชุดการสอน มีคุณครูไปดูแลไปสอบเป็นระยะ สุดท้ายแล้วเด็กทั้ง สองคนทางโรงเรียนจะไม่ทิ้งใครเลย
 
ดร.งามพิศ ลวากร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของโรงเรียนปทุมวิไล ทางเราได้ดูข้อมูลจากรายงานที่ผู้อำนวยการฯได้รายงานขึ้นมา โดยเรามีขั้นตอนของการดำเนินงานเป็นข้อเท็จจริงมาที่เขตพื้นที่การศึกษาฯ โดยเป็นเขตเฉพาะกิจของพื้นที่การศึกษาฯ สพฐ. เพื่อที่สื่อมวลชนจะได้ไม่นำเรื่องที่ได้จากแหล่งอื่นจากเพจนั้นเพจนี้ ถือว่าเป็นขั้นตอนหนึ่ง ที่เป็นวิธีการของเขตพื้นที่ได้ดำเนินการ เมื่อเกิดเหตุการณ์ณืขึ้นแล้วถือว่าเป็นบทเรียนให้กับพวกเราชาว สพฐ. เช่นกัน
 
นายชนะ สุมมาตย์ ผู้อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือนักเรียน สพฐ. กล่าวว่า แนวทางในการดำเนินการแก้ไขที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตทั้งโรงเรียนที่อยู่ในสังกัดสภานศึกษาทั่วประเทศ จำนวน 30,000 กว่า โรงเรียน ซึ่งเหตุความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นภายในโรงเรียนนั้น เกิดจากภัยคุกคามที่เกิดทางอารมณ์ โดยมอบภารกิจให้สถานศึกษา จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาระบบ EQ ให้กับเด็กนักเรียน ทั้งการพันาจิต การปฏิบัติธรรม รวมถึงทำกิจกรรมที่เสริมสร้างลักษณะนิสัย ทั้งกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี กิจกรรมแนะแนว เพื่อให้เกิดความรักความสามัคคีในกลุ่มเด็กนักเรียนของเรา นกจากนี้เป็นการสร้างการร่วมมือระหว่างเครือข่ายผู้ปกครอง และประชาชนในพื้นที่
 
นางสาวนงลักษณ์ เรือนทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารการมัธยมศึกษาตอนปลาย กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงของโลกทางด้านเทคโนโลยีทำให้เด็ก ๆ มีภาวะทางอารมณ์ที่ เกิดจากความเครีด หรือความผิดหวัง จึงอยากให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญของอารมณ์ของนักเรียนโดยให้ความร่วมมือกับโรงเรียน โดยการดูแลบุตรหลานของท่าน ทั้งการใช้โทรศัพท์ การเรียนแบบ เมื่อมีการคุมคุมที่ดีทำให้นักเรียนมีความปลอดภัย ในอนาคตทางโรงเรียนอาจจะต้องทำความร่วมมือกับนายแพทย์ หรือสาธารณสุขจังหวัด มีจิตแพทย์ไว้ที่โรงเรียน เป็นการป้องกันและแก้ไข ให้เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ดีขึ้น
 
ดร.เกษม สดงาม ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิจัยและพัฒนาบุคลากร สพฐ. กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะมีและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ไม่มีการเผยแพร่ในสื่อ โดยระยะหลังมีกรณีที่แปลกและดูรุนแรง เมื่อลงในโซเซียลทำให้มีการแกระจายตัวของข่าวอย่างรวดเร็ว จนทำให้เป็นพฤติกรรมเรียนแบบ เราต้องมีการป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะยาวด้วย เท่าที่ได้สอบถามพฤติกรรมของนักเรียนที่ก่อเหตุจากนางอุบลวรรณ มงคลางกูร ครูที่ปรึกษาของนักเรียนที่ก่อเหตุ พบว่า เป็นเด็กที่เรียนดี มีทักษะเรื่องของกีฬาดนตรี แต่เป็นเหตุการณืชั่ววูบ เป็นเหตุการณ์ที่ตัวเองไม่อยากให้เกิด เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องเห็นใจในส่วนหนึ่งด้วย ลูกหลานเราก้ไม่อยากให้เกิดแบบนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องช่วยกันประคับประคอง ก็คิดว่าครูอาจารย์คงจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก.

หน้าแรก » ภูมิภาค