วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568 21:55 น.

ภูมิภาค

เปิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แดนศักดิ์สิทธิ์“เสมาพันปี”ที่อำนาจเจริญ

วันพุธ ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563, 14.36 น.

แหล่งโบราณสถานเสมาพันปี ตั้งอยู่ที่ ตำบลเปือย อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ นับว่า เป็นสิ่งยืนยันว่า พุทธศาสนา ในอดีตเคยรุ่งเรืองอย่างไรและเป็นสิ่งล้ำค่าที่บรรพบุรุษในอดีตทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์ เพื่อที่อนุชนรุ่นหลังจะได้ใช้เป็นแนวทางศึกษา ด้วยความภาคภูมิใจ

 


    

อำเภอลืออำนาจ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอำนาจเจริญด้านทิศใต้ไปตามถนนชยางกูร สายหลัก(อำนาจเจริญ- อุบลราชธานี) ประมาณ 20 กิโลเมตร จนถึงสามแยกไฟแดงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายรอง ลืออำนาจ – พนา เข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงตำบลเปือย ซึ่งเป็นสถานที่ตั้ง เสมาพันปี ทางเข้าก็จะมีป้ายบอก ซึ่งการเดินทางสะดวกมาก เพราะถนนเข้าไปก็จะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กโดยตลอด
    

สำหรับแหล่งโบราณสถานเสมาพันปี สมัยก่อนบริเวณนี้ เป็นป่าทึบที่อุดมสมบูรณ์มาก ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นป่าศักดิ์สิทธิ์ เพราะหากใครเข้าไปตัดไม้ทำลายป่า ก็จะมีอันเป็นไปและเสียชีวิตทุกราย คนในพื้นที่จะเกรงกลัวกันมาก เมื่อถึงฤดูทำนาก็จะเข้าไปกราบไหว้บนบานต้นไม้ใหญ่ที่อยู่กลางป่า ขอให้ฝนตกดี ข้าวปลาอุดมสมบูรณ์ และในป่าก็จะมีเต่าใหญ่ เรียกว่า “เต่าเพ็ก” อาศัยอยู่กว่า 100 ตัว แต่ปัจจุบันไม่มีเหลืออยู่แล้ว ซึ่งเต่าพวกนี้ พอตกเย็นก็จะเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านก็จะให้ข้าวและกล้วยเป็นอาหารและไม่มีใครกล้าไปทำร้าย เพราะเชื่อว่าเป็นเต่าปู่ตาเลี้ยงไว้ ใครขโมยไปก็จะเอามาคืนภายใน 7 วัน โจรผู้ร้ายก็ไม่มี ชาวบ้านอยู่กันสงบสุขดี

 


    

ชาวตำบลเปือย รักสงบ ชอบเข้าวัดฟังธรรม กลายเป็นหมู่บ้านแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ทางอำเภอให้เป็นหมู่บ้านต้นแบบและได้รับคำชมเชยมาตลอด และนับว่าเป็นตำบลเก่าแก่มีอายุกว่า 100 ปี ซึ่งเสมาพันปีที่อยู่ในหมู่บ้านจะเป็นสิ่งยืนยันได้ดีที่สุด
    

ทั้งนี้ เสมาพันปีที่หมู่บ้านมีด้วยกัน 4 แห่ง โดยอยู่ในดอนปู่ตา บนเนื้อที่ 200 ไรทั้งหมด แต่ปัจจุบันถูกชาวบ้านบางคนเข้าไปบุกรุกจนเหลือเนื้อที่เพียง 50 ไร่
    

โดยแหล่งที่ 1. เป็นกลุ่มเสมาในเขตวัดโพธิ์  เป็นเสมาแบบศิลา จำนวน 50 ใบ และเนินศาลาสถานที่ กลุ่มเสมาทรายปักอยู่ ชาวบ้าน เรียกว่า “ลานเสมา” แต่ละใบ มีการสลักเป็นรูปหม้อน้ำและคล้ายคลึงกันลวดลายเสากลม ที่ประดับกรอบประตูสมัยก่อนเมืองพระนคร ซึ่งมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 – 13 หรือ 1,400 ปีมาแล้ว สมัยทวาราวดี ศิลปะขอมแบบไพรกเมง พบเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2532

 


  

แหล่งที่ 2. เป็นกลุ่มเสมาวัดบ้านไร่ นับว่าเป็นกลุ่มเสมาที่มีความหนาแน่นมากที่สุด มีจำนวนถึง 74 ใบ เป็นกลุ่มเสมาที่ทำด้วยศิลาแลง ไม่มีการสลักลวดลายและมีการสลักฐานบัวคว่ำ บัวหงาย มีสันนูนคล้ายยอดสถูปอยู่ตรงกลาง
    

แหล่งที่ 3. เป็นกลุ่มเสมาหลังโรงเรียนเปือย –หัวดง เป็นเสมาที่ทำด้วยหินทราย ลักษณะใบเสมาเรียบ ไม่มีลวดลาย แต่ตรงกลางเป็นที่เรียวไปถึงยอด มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 – 17

 


   

แหล่งที่ 4. เป็นกลุ่มเสมาดอนปู่ตา มีอยู่ 50 ใบ มีลักษณะเป็นศิลาทราย แต่ละใบจะมีการแกะสลักเป็นรูปนกแก้ว จึงเรียกว่า “ลานนกแก้ว”
    

นอกจากนี้ ยังมีพุทธรูปปางสมาธิเก่าแก่ อายุกว่า 200 ปี สมัยทราวดี ประดิษฐานอยู่ภายในเพิงถาวร สมัยก่อนหากปีไหนฝนแล้ง ชาวบ้านจะมาทำพิธีขอฝนจากท่าน บางคนก็มาขอให้ช่วยในด้านต่างๆ เป็นที่เคารพนับถือมาก ปัจจุบันก็ยังมีผู้เข้าไปสักการะทุกวัน แต่เป็นที่น่าเสียดายมีคนใจบาปตัดเอาเศียรไป ชาวบ้านจึงต้องทำเศียรขึ้นมาทดแทนให้ใหม่ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน… 

        


สนธยา ทิพย์อุตร/รายงาน

หน้าแรก » ภูมิภาค