จากกรณีกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านกว่า300คนในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานีล้อมรถเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 8 จำนวน 3 คนในพื้นที่ ม.4 ชุมชนบางสำโรง ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เหตุไม่พอใจตำรวจใช้อาวุธปืนจี้บังคับนายอนุชา บินมูซา หรือบังหมัด บินมูซาฟาร์ม อายุ 46 ปี ยึดลูกหอยแครงอายุขนาด 1 เดือน 23 กระสอบ มูลค่าประมาณ 5 แสนบาท พร้อมขู่เรียกเงิน5ล้านบาทขณะที่”บังหมัด”กำลังรับซื้อลูกหอยแครงจากชาวบ้าน ท่ามกลางชาวบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจจึงได้รวมตัวกันเกือบทั้งหมู่บ้านกว่า 300 คนปิดล้อมรถ ตำรวจทั้ง3 นายต้องรีบวิ่งขึ้นรถล็อคประตูอย่างแน่นหนาและขอกำลังตำรวจ สภ.กาญจนดิษฐ์ กับฝ่ายปกครองช่วยเหลือ ต่อมาทางนายอำเภอกาญจนดิษฐ์กับ ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ เข้ามาเจรจาแต่ไม่เป็นผล ทางชาวบ้านเรียกร้องให้ย้ายออกจากพื้นที่ 24 ชั่วโมงพร้อมให้สอบสวนทางวินัย สุดท้ายนายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.สุราษฎร์ธานีเข้าเจรจารับปากจะจัดการให้ตามคำเรียกร้องของชาวบ้าน ตำรวจ 3 นายจึงรอดตายหวุดหวิดเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 20 พ.ค.63  

 

ล่าสุดนายอนุชา บินมูซา หรือบังหมัด บินมูซาฟาร์ม ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงาน สอบสวน สภ.กาญจนดิษฐ์เพื่อดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 3 นายประกอบด้วย ร.ต.อ.อดิศักดิ์ ชูประเสริฐ/ดาบตำรวจพิเชษฐ์ ชูรัตน์และดาบตำรวจธันยพงศ์ ตั้นวิริยะวงศ์ จำนวน 2 ข้อหา คือข้อหากรรโชกทรัพย์ กับข้อหาประทุษร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยมี พ.ต.ท.อรุณ  จันทร์พูล รอง ผกก.(สอบสวน ) สภ.กาญจนดิษฐ์ เป็นผู้รับแจ้ง พร้อมกันนี้นายอนุชาร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยอีกด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะคู่กรณีเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอยากให้ออกจากราชการเพราะหากยังรับราชการอยู่อาจจะไปทำพฤติกรรมเช่นนี้ที่อื่นอีก โดยพนักงานสอบสวนนัดสอบปากคำนายอนุชาในเวลา 14.00 น.วันนี้ 

 

ขณะที่ด้านนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้ส่งกำลังดูแลความปลอดภัยกลุ่มชาวประมง และสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝังที่ 4 (สุราษฎร์ธานี ) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำกำลังรื้อถอนไม้ไผ่ปักแนวเขตคอกหอย 1,000 เมตรออกจากทะเลในพื้นที่ ต.คลองฉนากกับตำบลบางชนะ ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตรพื้นที่กว่า 2,000ไร่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่สาธารณะทั้งหมด โดยที่ชาวประมงพื้นบ้านจำนวนมากนับ 1,000 ลำ แห่ลงจับลูกหอยแครงกันอย่างสนุกสนานและมีความสุขท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด.

 

ด้าน พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการตำรวจสังกัดกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งในขณะนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 3 นายนี้ไปประจำที่ศูนย์บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 แล้ว ห้ามเข้าพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีและตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยแล้ว ส่วนนายอนุชา บินมูซา ผู้เสียหายได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว โดยทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนโดยมี พ.ต.อ.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงมาช่วยในคดีนี้ ซึ่งจะดำเนินการด้วยความรวดเร็วตรงไปตรงมา เป็นธรรมตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการเอาไว้ สำหรับสำนวนการสอบสวนในเรื่องนี้จะต้องส่งต่อไปที่ ปปช.ตามระเบียบ ซึ่งตำรวจจะต้องเร่งดำเนินการภายใน 2-3 วันนี้ให้เรียบร้อย โดยจะสอบสวนผู้เสียหายคือนายอนุชา พยานหลักฐานต่างๆรวบรวมนำเสนอ ปปช.เพื่อให้ ปปช.สอบสวนโดยละเอียดต่อไป จากนั้นเป็นดุลพินิจของ ปปช.ที่จะพิจารณาต่อไป

 

ขณะเดียวกันชาวประมงจำนวนมากยังทยอยลงจับหอยกลางทะเลกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ชุดฉลามขาว) ลงรื้อถอนไม้ไผ่ที่มีผู้ปักจับจองพื้นที่ในทะเลออก

นอกจากนั้น นายวิวรรธน์ นิลวัชรมณี ส.ส.เขต 2 จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์และนายสมชาติ ประดิษฐพร ส.ส.เขต 4 จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ลงพื้นที่กลางทะเลให้กำลังใจชาวประมง

 

โดยทั้ง 2 ส.ส. กล่าวว่า ก่อนลงพื้นที่ทะเลวันนี้ ยังถูกรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีท่านหนึ่ง กล่าวเตือนว่า ลงพื้นที่ไม่กลัวถูกยิงเหรอ เป็นการหยอกกันเล่นหรือเปล่าไม่รู้ ก็เลยตอบไปว่าหากคนเป็น ส.ส.โดนยิงคงไม่ใช่ปัญหาระดับจังหวัดแล้ว เป็นปัญหาระดับประเทศ ซึ่งต้องจัดการประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ พอผู้สื่อข่าวหรือเจ้าหน้าที่กลับจะมาเป็นแบบเดิม ๆ อีก

 

นายประเสริฐ เบ็นหะซันน์ อายุ 49 ปี ชาวประมงรายหนึ่ง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทะเลในพื้นที่นี้ชาวประมงพื้นบ้านไม่สามารถลงได้เลย ต่างกับตอนนี้ อย่างไรก็ตามขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือ ส่วนการหาหอยและรับซื้อหอยยังคงดำเนินการได้ตามปกติ แต่ยังกลัวว่าจะถูกจับกุมที่บ้านอีก และราคาตอนนี้เริ่มลดลงเพราะตัวหอยเป็นมีน้อยส่วนใหญ่เป็นเปลือกหอย ราคากิโลกรัมละ 400-600 บาท  แต่ชาวบ้านจับลูกหอยได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขเพียงครึ่งวันบางคนจับลูกหอยได้ 2-3 กิโลกรัม