วันอาทิตย์ ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2568 13:35 น.

ภูมิภาค

ขนมเข่งโบราณประยุกษ์ เอาใจคนรุ่นใหม่ไส้ไข่เค็มมะพร้าวอ่อน

วันอาทิตย์ ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 09.50 น.

ต่อยอดขนมเข่งโบราณที่กินช่วงเทศกาล มาเป็นขนมเข่งของคนรุ่นใหม่ ไส้มะพร้าวอ่อน ไส้ไข่เค็ม
 

 

นางสาวสุดาพร คงเมือง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/1 หมู่4 ต.นาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ปัจจุบันตนเองทำงานประจำอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร โดยทำงานในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ จะหยุดวันเสาร์วันอาทิตย์ หากถามถึงจุดเริ่มที่ได้ทำขนมเข่งคือตนเองทำให้คุณยายไหว้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ไม่อยากไปซื้อเพราะมีราคาแพงและที่สำคัญคือส่วนใหญ่จะทำไว้หลายวันแล้ว  และเมื่อซื้อมาก็ไม่อร่อยและเมื่อไหว้เสร็จก็ไม่ค่อยมีคนกิน   ตนเองจึงคิดที่จะทำเอง โดยศึกษาหาข้อมูลจากในยูทูบ และทดลองทำไปเรื่อยๆลองผิดลองถูกจนได้สูตรขนมที่เป็นของตนเอง เมื่อได้ทำขนมเข่งให้คุณยายและคนในบ้านได้ชิม ทุกคนต่างก็บอกว่าอร่อยและมีความแตกต่างจากขนมเข่งที่เคยกิน  แนะนำให้ตนเองทำขาย

 

 

 

นางสาวสุดาพร กล่าวถึงวิธีการทำขนมเข่งสูตรของตนเองว่า  สูตรที่ทำจะมีด้วยกันสองแบบคือ แบบแรกจะเป็นขนมเข่งมะพร้าวอ่อนใส่เม็ดแปะก๊วย โดยส่วนผสมก็จะมีแป้งข้าวเหนียว  น้ำตาลทรายขาว เกลือ น้ำดอกอัญชัน เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเป็นเส้นเล็กๆ และเม็ดแปะก๊วย ขั้นตอนแรกก็จะนำเอาแป้งข้าวเหนียวผสมกับน้ำตาลทรายและน้ำดอกอัญชัน และขนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกันและน้ำตาลทรายละลายจนหมด เมื่อส่วนผสมเข้ากันเรียบร้อยแล้วก็จะเนื้อมะพร้าวที่เตรียมไว้ใส่ลงไปขนให้เข้ากัน  และตักใส่กระทงที่เตรียมไว้โรยหน้าด้วยเม็ดแปะก๊วย และรอนึ่ง


 

แบบที่สอง คือไส้มันม่วงไข่เค็ม โดยไส้ขนมเข่งจะทำจากมันม่วง และผสมด้วยงาขาว งาขี้มอน เมล็ดแตงโม นำมานวดให้เข้ากันแล้วจึงเอามาห่อกับไข่แดงเค็ม  และอีกไส้ก็จะเป็นไส้ถั่วแบบทั่วๆไปแต่ก็จะนำมาห่อกับไข่แดงเค็มเช่นกัน เมื่อเตรียมไส้ขนมเรียบร้อยแล้ว เคล็ดลับที่ทำให้ขนมมีความหอมชวนกินมากยิ่งขึ้นคือ เอาไส้ขนมไปอบควันเทียน ขั้นตอนต่อไปคือการทำแป้ง ซึ่งแบบที่สองนี้ จะมีส่วนผสมของแป้งข้าวเหนียวขาวและแป้งข้าวเหนียวดำ  นำมาผสมกันและใส่น้ำตาลมะพร้าวที่เป็นน้ำตาลมะพร้าวแท้ เติมเกลือลงไปเล็กน้อย ใส่น้ำลงไปขนให้ส่วนผสมเข้ากัน หลังจากนั้นก็จะเอาใส่ขนมที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในกระทงหลังจากนั้นก็จะนำเอาแป้งที่ผสมเรียบร้อยแล้วนั้นตักใส่ลงไปในกระทง  โดยกระทงนั้นจะต้องทาน้ำมันพืชก่อนที่จะใส่ขนมเพื่อไม่ให้เวลาที่ขนมนึ่งเสร็จแล้ว จะติดกระทง  เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอาขนมไปนึ่งบนน้ำที่ตั้งไฟ เดือดๆ  โดยใช้เวลาในการนึ่งประมาณ 25 นาทีก็จะเสร็จเรียบร้อย จะได้ขนมเข่งสีสันสวยงามและจะมีกลิ่นหอมของควันเทียนที่ออกมาจากไส้ขนม เคล็ดลับที่ทำให้ขนมเข่งยังคงมีความเหนียวนุ่มอยู่ตลอดถึงแม้จะวางทิ้งไว้จนเย็นคือการที่จะไม่ผสมแป้งข้าวเจ้าจะใส่แป้งข้าวเหนียวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

 

 


 

จากจุดเริ่มต้นในการทำขนมเข่งให้คุณยายในวันนั้น กลายเป็นอาชีพเสริมในวันนี้ เพราะมีลูกค้าติดใจในรสชาติขนมเข่งของตนเองเป็นอย่างมาก โดยตนเองจะทำขนมเข่งขายทุกๆวันเสาร์ เพราะเป็นวันหยุดงาน โดยจะทำครั้งละประมาณ 200 ชิ้น และใส่กล่องขายกล่องละ 50 บาท ในกล่องมี 5 ชิ้น ได้ผลตอบรับจากลูกค้าที่แวะเวียนมาที่บ้านการขายออนไลน์เป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนตัวตนเองมองว่า “ขนมเข่งไม่ใช่ขนมที่สามารถทานแค่ช่วงตรุษจีนเท่านั้น แต่ขนมเข่งสามารถทานได้เหมือนขนมไทยทั่วๆไป ที่สามารถหาซื้อและทานได้ทุกๆวัน” ตนเองจึงนำขนมเข่งมาประยุกต์ให้ดูหน้ารับประทานมากยิ่งขึ้น และสามารถนำไปเป็นของฝาก ขนมมงคลให้กับญาติผู้ใหญ่ได้อีกด้วย หากใครสนใจที่จะชิมขนมในแบบของคุณสุดาพร ที่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน สามารถติดต่อไปที่เบอร์ 093-7727405

หน้าแรก » ภูมิภาค