วันที่ 13 ส.ค.63 จากกรณีเรือแม่โขงเดลต้า ซึ่งเป็นเรือท่องเที่ยวสัญชาติไทยจมลงในแม่น้ำโขงบริเวณริมฝั่งไทยเขตบ้านป่าสักหางเวียง หมู่ 9 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมาและยังไม่สามารถกู้ขึ้นฝั่งหรือสูบน้ำออกเพื่อให้ลอยลำ โดยยังมีสภาพจมโผล่เฉพาะส่วนบนของเรือ

 

ล่าสุด พบว่าระดับน้ำในแม่น้ำโขงได้ส่งผลกระทบซ้ำเติมปฏิบัติการกู้เรือแม่โขงเดลต้าอีก เนื่องจากได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเช้าวันเดียวกันนี้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงราย วัดระดับน้ำหน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน ห่างจากจุดเรือจมเพียงเล็กน้อยพบว่าลึก 4.16 เมตร จากเดิมช่วงต้นเดือนลึกเพียงประมาณ 2.50 เมตร กระทั่งวันที่ 11 ส.ค.ลึก 3.57 เมตร และวันที่ 12 ส.ค.ลึก 3.74 เมตร ทำให้ล่าสุดส่วนบนของเรือที่เคยโผล่พ้นน้ำและเจ้าหน้าที่เคยเข้าไปสำรวจได้ ค่อยๆ จมจนไม่เห็นภายในชั้น 3 และโผล่เหนือน้ำเฉพาะส่วนดาดฟ้าเท่านั้น

 

ทั้งนี้ เรือแม่โขงเดลต้าเป็นเรือท่องเที่ยวของบริษัทแม่โขงเดลต้า ทราเวล เอเจนซี่ จำกัด ที่มีน้ำหนักประมา107 ตัน และยาว 40 เมตร กว้าง 5.50 เมตร ถือเป็นเรือ่ท่องเที่ยวสัญชาติไทยลำแรกในแม่น้ำโขง และรับนักท่องเที่ยวเดินทางในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงไทย สปป.ลาว เมียนมา และจีนตอนใต้ มาได้ประมาณ 9 ปี

 

ด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย และกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากมีฝนตกหนักในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ที่อยู่ห่างจาก อ.เชียงแสน ไปทางทิศเหนือประมาณ 250 กิโลเมตร และทำให้เขื่อนจิ่งหงตั้งอยู่ในเมืองจิ่งหงหรือเชียงรุ้ง เมืองเอกของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ได้ระบายน้ำลงมามากกว่าเดิมโดยเช้าวันที่ 13 ส.ค.มีอัตราการระบาย 1,982 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หลังจากเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ปล่อยลงมาในอัตรา 1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และวันที่ 10 ส.ค.ลดลงเหลือ 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ภายในอีก 1-2 วันนี้ระดับน้ำที่ไหลผ่านประเทศไทยจะสูงขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อการกู้เรือและหากไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็อาจเสี่ยงที่น้ำจะท่วมจนมิดชั้นดาดฟ้าของเรือได้

 

น.ส.ผกายมาศ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือทั้งระดมความคิด อุปกรณ์ เรือ และกำลังพล กว่า 100 นาย แต่เนื่องจากการกู้เรือจมแม่น้ำโขงเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจึงได้ขอความช่วยเหลือไปยังทางกองทัพเรือ เพื่อขอให้สนับสนุนเรื่องผู้ชำนาญเฉพาะด้านและเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นเพราะในส่วนของกำลังพลของกองทัพเรือในพื้นที่นั้นมีหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ที่ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมาอยู่แล้ว และยังมีทหารจากกองกำลังผาเมือง ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เจ้าท่า และหน่วยงานต่างๆ ด้วย ทั้งนี้ล่าสุดทราบว่าทางกองทัพภาคที่ 3 ก็ช่วยเหลือด้านการประสานงานไปยังกองทัพเรือจึงเชื่อว่าจะมีการกู้เรือได้อีกครั้งในเร็วๆ นี้ต่อไป.