วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 10:45 น.

ภูมิภาค

ประจวบฯเข้ม!สกัดต่างด้าว ลอบเข้าเมืองป้องกันโควิด

วันศุกร์ ที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2563, 14.49 น.

วันที่ 4 ก.ย. ตามนโยบายของพลโท ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ให้เพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดตามแนวชายแดนด้วยการบูรณาการกำลังทุกถภาคส่วน กองกำลังสุรสีห์ โดยพลตรี ฐกัด หลอดศิริ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสี ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก จัดการประชุมบูรณาการการป้องกันและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยมี นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการประชุมบูรณาการป้องกันแก้ไขปัญหาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา พร้อมด้วย พ.อ.กรกานต์ นาเวชวนิชกุล รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดฯ พ.อ.วุทธยา จันทมาศ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ผู้แทนจากหน่วยงานความมั่นคง ฝ่ายปกครอง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฯ ผู้นำชุมชน อบต. กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ ต.บึงนคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ที่โรงเรียนอานันท์ หมู่ 2 บ้านฟ้าประทาน ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

 


พ.อ.วุทธยา จันทมาศ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ประเทศเมียนมา พลโทธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 กำชับให้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดตามแนวชายแดนด้วยการบูรณาการกำลังทุกภาคส่วน ทางกองกำลังสุรสีห์โดย พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ จึงได้สั่งการให้กำลังพลหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึกประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเฝ้าระวังอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบหลบหนีเข้าประเทศไทยและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดมะริด ภาคตะนาวศรีของเมียนมาซึ่งมีพื้นที่ติดกับ จ.ประจวบฯ ปัจจุบันยังไม่พบรายงานการแพร่ระบาดของโรค แต่หน่วยงานในฝั่งไทยจำเป็นต้องวางแนวทางป้องกันเข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าสู่ประเทศไทย สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำรั้วลวดหนามทยอยปิดกั้นช่องทางธรรมชาติทุกจุดตลอดแนวชายแดนพื้นที่ จ.ประจวบฯแล้ว และจะมีการจัดชุดเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนเฝ้าระวังป้องกันการลักลอบเดินเท้าข้ามแดนอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน

 


สำหรับการประชุมในครั้งนี้ได้มีการรับฟังการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ และมีการหารือเพื่อกำหนดแนวทางมาตรการสกัดกั้นไม่ให้คนต่างด้าวลักลอบข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดน เช่น การจัดหาอุปกรณ์เฝ้าตรวจช่องทาง การจัดหาชุดเครื่องกีดขวาง การบูรณาการกำลังป้องกันชายแดน ได้แก่ ทหาร ตชด. อาสารักษาดินแดน (อส.) และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านและชุมชน (ชรบ.) จัดชุดเฝ้าช่องทางประมาณ 20 ช่องทางหลัก จุดละอย่างน้อย 3 คน ตลอด 24 ชม.โดยเน้นช่องทางพื้นที่ตรงข้ามที่มีชุมชนชาวเมียนมาอาศัยอยู่ ได้แก่ ช่องทางป่าละอูน้อย ช่องทางสิงขร ช่องทางชี ช่องทางคลองลอยและช่องทางธรรมชาติบริเวณใกล้เคียงช่องทางทั้ง 4 ช่องทาง การจัดตั้งจุดตรวจภายในหมู่บ้านตำบลชายแดนโดยใช้ ชรบ.ร่วมกับตำรวจและกำลังส่วนอื่นๆ หมู่บ้านละอย่างน้อย 1 จุด โดยต้องมี อสม.อย่างน้อย 2 คน การจัดตั้งจุดตรวจร่วมบนเส้นทางในลักษณะจุดตรวจประชารัฐ การจัดให้มีสายตรวจภายในหมู่บ้านปฏิบัติควบคู่กับจุดตรวจ จัดชุด อสม.เฝ้าระวังหมู่บ้านพร้อมที่จะเข้าทำการคัดกรองกรณีมีผู้หลบหนีเข้าเมืองในพื้นที่รับผิดชอบ การจัดตั้งพื้นที่กักกันบุคคลที่มีความเสี่ยงในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด เพื่อพร้อมรับสถานการณ์หากมีการระบาดใกล้แนวชายแดนโดยแยกเป็นสำหรับคนไทยและผู้หลบหนีเข้าเมือง การจัดตั้งศูนย์ควบคุมและบริหารการปฏิบัติระดับอำเภอเพื่อประสานงานทุกหน่วยงาน การจัดชุดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หมู่บ้านชายแดนให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันโควิด 19 โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร

 

 


นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการหารือแนวทางการปฏิบัติในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของบุคคลกลุ่มต่างๆ เช่น คนไทยที่ขอกลับเข้าประเทศไทย คนไทยหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ผ่านช่องทางที่ถูกต้อง ชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองซึ่งในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบบริเวณแนวชายแดนจะมีการผลักดันออกนอกช่องทางที่เข้ามาทันที

 

 

 

 


ด้าน นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ กล่าวว่า ในส่วนของกรณีผู้ปกครองนักเรียนชาติพันธุ์กะเหรี่ยง 5 ราย เดินเท้าข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติกลับไปทำการเกษตรที่ประเทศเมียนมาและกลับเข้ามาฝั่งไทย ทำให้มีการประกาศปิดโรงเรียน 2 แห่งชั่วคราว คือโรงเรียนอานันท์ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ และ โรงเรียนบ้านห้วยไคร้ ต.บึงนคร ตั้งแต่วันที่ 1-7 ก.ย.63 เพื่อเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ล่าสุดมีรายงานผลการตรวจสารคัดหลั่งของบุคคลทั้ง 5 ราย ปรากฏว่าไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่ทุกคนได้กักตัวเองอยู่ที่บ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ลงพื้นที่สอบสวนโรค ไม่พบผู้ที่มีอาการป่วยเป็นไข้ ส่วนโรงเรียนทั้ง 2 แห่งจะกลับมาเปิดเรียนได้ตามปกติในวันที่ 8 กันยายนนี้ และขอให้ผู้ที่จะเดินทางมาที่ อ.หัวหิน ในช่วงวันหยุดยาวนี้สบายใจได้เพราะสถานการณ์ในพื้นที่เป็นปกติไม่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

หน้าแรก » ภูมิภาค