วันพุธ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 20:05 น.

ภูมิภาค

ศาลรับฟ้องอาญา157 จนท.รังวัดที่ดินรุกที่วัด

วันศุกร์ ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 15.36 น.

งานเข้า!! ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ประทับรับฟ้อง อาญา 157 เจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินอยุธยา รังวัดที่ดินรุกล้ำที่วัด


จากกรณีข้อพิพาทนายทุนร่วมกับเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เคยมารังวัดที่ รว 9  แล้วรุกล้ำที่ลำรางสาธารณะ จนเลยข้ามมาปักมุดยังที่สามเหลี่ยมหน้าวัด ที่เป็นที่ดิน ( สค.1) เพื่อดำเนินการออกโฉนดทับที่ของวัดป้อมรามัญ หมู่ 4 ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา  จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ใช้เป็นสิ่งปลูกสร้างศาลาเอนกประสงค์ เพื่อให้ชาวบ้านและหน่วยงานราชการเข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมกัน  จนเป็นเหตุให้ชาวบ้านไม่พอใจออกมาประท้วงคัดค้านการรังวัดที่โดยมิชอบว่าเอื้อประโยชน์แก่นายทุน แล้วยังแจ้งว่าทางวัดบุกรุกที่ของนายทุน จนเกิดข้อพิพาท ร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม ฟ้องร้อง ให้มีการรังวัดที่ดินใหม่หลายครั้ง  จนทางวัดได้มอบหมายให้นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความชื่อดัง เป็นตัวแทนในการยื่นฟ้อง ดำเนินคดีอาญามาตรา 157  กับเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดิน และนายทุน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จังหวัดสระบุรี มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ในการรังวัดที่ดินรุกล้ำที่วัดและที่สาธารณะเอื้อประโยชน์นายทุน ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

 

 
เดิมพื้นที่ของวัดป้อมรามัญมีเนื้อที่ 14 ไร่ 2 งาน 12 วา แต่หลังจากถนนทางหลวงชนบท อย.2003 ตัดผ่าน เนื้อที่ได้หายไปเหลือแค่ 12  ไร่  3 งาน 80 วา  โดยที่ดินบางส่วนที่หายไปเหลือเป็นที่สามเหลี่ยมหน้าวัด ที่ใช้เป็นสิ่งปลูกสร้างศาลาเอนกประสงค์ เพื่อให้ชาวบ้านและหน่วยงานราชการเข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีข้อพิพาทระหว่างวัดชาวบ้าน กับ นายทุนที่เคยมารังวัดที่ดินแล้ว รุกล้ำเข้ามายังที่ลำรางสาธารณะ จนเลยข้ามมาปักมุดยังเขตที่ ดิน สค.1 ของวัด โดยชาวบ้านได้ยื่นคัดค้านการรังวัด จนเป็นเหตุว่าการรังวัดเป็นโมฆะ แล้วยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ตรวจสอบแก้ไขพื้นที่ที่เป็นปัญหาข้อพิพาท ตลอดระยะเวลาทางนายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความชื่อดัง ตัวแทนของวัดป้อมรามัญ ได้ยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการตรวจสอบรังวัดที่ดินที่เป็นลำรางและที่สาธารณะประโยชน์ ทั้ง อบต.สวนพริก และ อำเภอ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการรังวัดที่ดินสาธารณะแต่อย่างใด

 


ล่าสุดวันที่ 30 ตุลาคม 2563 นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความชื่อดัง  กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2563  ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จังหวัดสระบุรี  ได้พิเคราะห์ไต่ส่วน พยานหลายปากว่าคดีดังกล่าวมีมูลความจริงว่าเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินอยุธยา และ นายทุน  ด้บุกรุกเข้าไปในที่ดินของวัด 1 ไร่ 1 งานเศษ แล้วทำการังวัดจัดทำเอกสาร รว 25 จ ตามเอกสารหมาย จ.18 และเอกสานขึ้นรูปแผนที่ รว 9 ตามเอกสารหมาย จ 9 ไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง ซึ่งเกิดขึ้นจากการยื่นคำร้องขอรังวัด และชี้นำผู้อื่นให้ร่วมมือด้วย โดยใช้รังวัดแบบคำนวณเนื้อที่ตาม รว 25 จ และ การขึ้นรูปแผนที่ รว 9 ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง  ที่กำหนดไว้ในเอกสารระวางที่ดินและตามรูปแบบที่ท้ายโฉนดที่ดินของจำเลยออกทับที่ดินของวัด  ที่ครอบครองอยู่ ทำให้วัดได้รับความเสียหาย  จึงตัดสินประทับรับฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ประพฤติไม่ชอบ รับไว้พิจารณา ดังนั้นในวันที่ 14 ธันวาคม ปี 63 ทางเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินและนายทุนในฐานะประชาชน ที่ทางวัดฟ้องร้องไป จะต้องไปประกันตัวที่ศาล

 


ส่วนเรื่องเกี่ยวกับที่ดินเกี่ยวกับที่ข้างเคียงโดยรอบ  ข้อเท็จจริงชัดเจนว่าทาง ส.ค.1 ของวัด เดิมมีมานานแล้วปรากฏว่ารอบทั้งสี่ทิศเป็นสาธารณประโยชน์ ดังนั้นเราก็เลยขอความร่วมมือแล้วก็แจ้ง ข้อเท็จจริงตรงนี้ไปให้กับทาง อบต.สวนพริกซึ่งมีหน้าที่ในการรับผิดชอบโดยตรง เพื่อให้ดำเนินการออกหนังสือซึ่งเป็นโฉนดสาธารณะ ปรากฏว่า ณ เวลานี้  ก็ยังไม่ดำเนินการ ซึ่งเราก็จะให้โอกาสคือทางเราจะติดต่อไปอีกแจ้งอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ายังไม่ดำเนินการออกโฉนดเพื่อเป็นสาธารณะที่ล้อมรอบทั้งสี่ทิศ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทางวัดก็จะพิจารณาว่าดำเนินคดีต่อไป

หน้าแรก » ภูมิภาค