วันพฤหัสบดี ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 01:27 น.

ภูมิภาค

ลูกบ้านรวมกลุ่มโวย ผญบ.ไม่โปร่งใสเงินกองทุน ไล่บี้เจอต้นตอไม่นำเข้าบัญชี รับเอาไปใช้ทางอื่น

วันอังคาร ที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 18.12 น.

จากกรณี ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนาแก จ.นครพนม ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางสาวบุญฑริกา ยงดี อายุ 52 ปี ชาวบ้านบอนหมู่ที่ 4 ต.คำพี้ อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มชาวบ้าน ยื่นหนังสือร้องเรียนกล่าวหาผู้ใหญ่บ้านหมู่ ซึ่งควบตำแหน่งประธานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ว่าตั้งแต่ปี 2563 – 2568 ได้เก็บเงินกู้จากสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน แต่ไม่นำเงินมาชี้แจงงบการเงินกับเจ้าหน้าที่กองทุนหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาชุมชน อีกทั้งมีรายชื่อคณะกรรมการ จำนวน 15 คน ถูกผู้ใหญ่บ้านนำชื่อไปจัดตั้งขึ้นเอง โดยเจ้าตัวไม่ทราบ โดยมีการปลอมแปลงลายมือชื่อ คาดมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 250,000 บาท

ต่อมา วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับกลุ่มสมาชิกกองทุน ที่นัดมารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของนางประเชิด แก้วพิกุล อายุ 62 ปี หนึ่งในสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน โดยนางสาวบุญฑริกา ยงดี ในฐานะแกนนำเปิดเผยว่า งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาแต่ละปี นายพงษ์สวัสดิ์ สูญราช ผู้ใหญ่บ้านไม่เคยชี้แจงและไม่มีจัดประชุมให้สมาชิกได้รับทราบข้อมูล

โดยวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ทางกลุ่มจึงได้รวมตัวกันทำเรื่องร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนาแก ว่าผู้ใหญ่บ้าน กระทำผิดกฎหมายอาญาต่างกรรม ต่างวาระ โดยยักยอกเงินที่สมาชิกกองทุนนำมามอบให้ เพื่อการชำระหนี้กองทุนหมู่บ้าน แต่ปรากฏว่านายพงษ์สวัสดิ์ ไม่ได้นำส่งเงินดังกล่าวตามระเบียบ หรือข้อกำหนดของการทำหน้าที่ จึงเกิดความหายเสียต่อประชาชน สมาชิกจำนวนมากที่นำเงินส่งกองทุนหมู่บ้านในแต่ละครั้ง

นางสาวบุญฑริกา กล่าวต่อว่า กองทุนหมู่บ้านนี้อยู่ภายใต้ โครงการของกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อหาช่องทางให้สมาชิกเข้าถึงแหล่งเงินทุนกู้ดอกเบี้ยต่ำ และเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกมีเงินทุนหมุนเวียน ในการประกอบอาชีพ แต่ตอนนี้กลุ่มสมาชิกได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากผู้ใหญ่บ้าน ในฐานะประธานกรรมการเงินกองทุนหมู่บ้าน ได้ยักยอกเงินที่สมาชิกนำส่งตั้งแต่ ปี 2563 จนปัจจุบัน จึงต้องการให้นายพงษ์สวัสดิ์ลาออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน และนำเงินที่ยักยอกไปส่งคืนกองทุนโดยด่วน ซึ่งจากการสอบถาม ผู้ใหญ่บ้าน ยอมรับว่าได้นำเงินประมาณ 2 แสนกว่าบาทไปใช้ทางอื่นจริง ขอเวลาสักระยะเพื่อหาเงินมาส่งคืน

ทั้งนี้ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง บ้านบอน ต.คำพี้ อ.นาแก จ.นครพนม มีเงินหมุนเวียนประมาณ 2 ล้านกว่าบาท โดยชาวบ้านจะรวมตัวกลุ่มละ 2-3 คน เพื่อเป็นการค้ำซึ่งกันและกัน สำหรับกู้ยืมเงินกองทุน เริ่มตั้งเเต่คนละ 30,000-40,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยหมื่นละ 300 บาทต่อปี

ปัญหาเกิดขึ้นช่วงต้นปี 2568 เนื่องจากชาวบ้านบางคนต้องการขอเบิกเงินสัจจะ ซึ่งเป็นเงินออมของตนในแต่ละปี โดยได้ส่งออมปีละ 120 บาท บางคนส่งมาตั้งแต่ปี 2544  เมื่อถึงเวลาต้องการปิดบัญชีหยุดส่ง ขอขอเบิกเงินที่ออมคืน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านอ้างว่าไม่มีเงินให้เบิก แต่เมื่อตรวจสอบไปยังธนาคาร พบว่าในบัญชีเงินสัจจะ ซึ่งเป็นคนละบัญชีกับเงินกองทุนหมู่บ้าน มีเงินอยู่ในบัญชีประมาณ 120,000 บาท แต่ไม่ทราบเหตุผลที่ผู้ใหญ่บ้านไม่ให้เบิก จึงเริ่มสงสัยและได้ตรวจสอบเงินในบัญชีกองทุนฯเรื่องจึงแดงขึ้นมาดังกล่าว

ด้าน นางสาวงามตา ยืนยง พัฒนาการอำเภอนาแก กล่าวกับผู้สื่อข่าวในฐานะเลขานุการอนุกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ อำเภอนาแก ว่า ในปี 2563 เป็นต้นมา กองทุนฯบ้านบอน ไม่มีการรายงานสถานะทางการเงิน ทำให้ชาวบ้านเกิดความสงสัย เพราะไม่มีการปล่อยให้กู้เหมือนปกติทั่วไป จึงร้องเรียนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ในเบื้องต้นกองทุนฯมีเงินหมุนเวียนประมาณ 2 ล้านบาท และมีเงินที่หายไป 2 แสนกว่าบาท ส่วนเงินอีกล้านกว่าบาทไม่ได้หายไหน แต่อยู่กับลูกหนี้ที่ยังไม่นำมาส่งคืนกองทุน

หน้าแรก » ภูมิภาค