วันที่ 7 พฤศจิกายน จ่าเอกแก้ว คงวงศ์ ป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่าได้นำกำลัง อส.จังหวัดร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ทับสะแก วางรั้วลวดหนามหีบเพลง 3 ชั้นที่บริเวณช่องทางธรรมชาติชายแดนไทยเมียนมา ที่ช่องเจ็ดเจ้า-ตะแบกโพรง หมู่ 5 ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก เพื่อปิดกั้นเส้นทางการลักลอบนำเข้าโคและกระบือเถื่อน รวมถึงการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของบุคคลต่างด้าวตามนโยบายของ นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ที่ระบาดหนักในประเทศเพื่อนบ้าน การป้องกันโรคปากเท้าเปื่อยในโคและกระบือที่ลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายให้นายทุนรายใหญ่โดยไม่ผ่านกระบวนการตรวจโรค ขณะที่ทุกอำเภอได้วางมาตรการเข้มงวดในเรื่องดังกล่าวแล้วนานกว่า 3 เดือน แต่ที่ผ่านมาพบว่าที่ช่องเจ็ดเจ้า ยังมีการลักลอบทำสิ่งผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่องโดยขณะที่เจ้าหน้าที่วางรั้วลวดหนามได้พบรอยเท้าโคและกระบือจำนวนมาก สิ่งของเครื่องใช้สำหรับเดินผ่านช่องทางธรรมชาติแนวชายแดนเข้ามาฝั่งไทย แม้ว่ากลุ่มนายทุนในพื้นที่จะใช้รถแบคโฮเข้าไปทำการปรับสภาพพื้นที่เพื่อกลบหลักฐานก็ตาม

“หลังจากเมื่อวันที่ 2 พ.ย.63 ทหารชุดเฉพาะกิจจงอางศึกสนธิกำลังร่วมกับหลายหน่วยงานจับกุมชาวเมียนมาจำนวน 7 รายหลบหนีเข้าเมืองและตั้งแคมป์ที่พักภายในสวนมะพร้าวหมู่ 5 ต.อ่างทอง พร้อมของกลางใบกระท่อมผงจำนวน 55 ถุงน้ำหนัก 5.5 กิโลกรัม โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ก่อนทำการตรวจผู้ต้องหาเบื้องต้นไม่พบอาการติดเชื้อ ซึ่งทั้งหมดสารภาพว่าหลบหนีเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติเพื่อนำโคและกระบือเถื่อนกว่า 50 ตัวเข้ามาขายให้นายทุนแต่ถูกจับกุมเสียก่อนขณะรอรับเงิน แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจยึดของกลางได้เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนเจตนาช่วยเหลือนายทุน ซึ่งขณะนี้ทางปกครองมีรายชื่อนายทุนหลายรายที่เชื่อมโยงร่วมกับกระบวนการค้าโคและกระบือเถื่อน” จ่าเอกแก้ว กล่าว.