หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างถนนเสริมเพิ่ม 6 ช่องทางจราจรจุดกลับรถแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนในถนนมะลิวัลย์เขตอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เป็นการประชาสัมพันธ์ภารกิจของ ก ธ.จ.จังหวัดขอนแก่น ที่เน้นย้ำ ดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี ทำให้หน่วยงานราชการต่างๆ ในอำเภอ ตำบล และหมู่บ้านได้เข้าใจว่าเรามาด้วยดี เพื่อที่จะเป็นการช่วยชี้แนะ ทำให้การใช้งบประมาณได้ถูกต้อง
  

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า นางสาวรื่นฤดี สุวรรณมงคล หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเขตตรวจราชการที่ 12 ในฐานะประธานกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดขอนแก่น ลงพื้นที่ติดตามสอดส่องโครงการก่อสร้างถนนแอสฟัลต์ติกคอนกรีต ทางหลวงหมายเลข 12 ตอน บ้านฝาง - ขอนแก่น ระหว่าง กม.535+000 - กม.537+000 ขนาดกว้างช่องละ 3.50 เมตร หนา 0.10 เมตร ระยะทาง 2.000 กิโลเมตร เส้นมะลิวัลย์บ้านทุ่ม ถึง บ้านแดงน้อย อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น หน่วยดำเนินการ แขวงทางหลวงขอนแก่นที่ 1 วงเงินงบประมาณ 40,000,000 บาท

ซึ่งการตรวจงานครั้งนี้เป็นการตรวจราชการในการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนซึ่งถนนดังกล่าวเป็นถนนที่เชื่อมพื้นที่เขตเศรษฐกิจที่เชื่อมภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปยังภาคเหนือ โดยตอนนี้การก่อสร้างไปได้ 17 % เป็นไปตามมาตรฐานการก่อสร้างของกรมทางหลวง จุดที่ก่อสร้างเป็นจุดกลับรถที่ปัจจุบันมี 4 ช่องทางจราจร ทำเพิ่มอีก 2 ช่องจราจรเป็น 6 ช่องทางซึ่งจุดดังกล่าวมีการสัญจรหนาแน่นและมีโรงงานหลายแห่งที่มีพนักงานเป็นพันคน ทำให้การจราจรหนาแน่นซึ่งเมื่อสร้างถนนเพิ่มจาก 4 เลนเป็น 6 เลนเสร็จ จะทำให้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเบาบางลงรวมทั้งเป็นการพัฒนาเมืองในพื้นที่เศรษฐกิจเป็นหนึ่งในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของจังหวัดขอนแก่นด้วย
 

ต่อจากนั้นได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 1/2568 ที่ ห้องประชุมเสียงแคน ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น (หลังเก่า) หลังจากการประชุม บางช่วงบางตอน นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชนว่า ตามหลักของคณะกรรมการธรรมาภิบาล ที่ต้องทำหน้าที่สอดส่อง โครงการที่ใช้งบประมาณของแผ่นดิน ซึ่งในครั้งนี้ ได้มาประชุม คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดขอนแก่น โดยมีดร.สมยงค์ แก้วสุพรรณ รองประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดขอนแก่น ตลอดจน ก.ธ.จ. และที่ปรึกษา ทั้ง 3 ด้านเข้าร่วมประชุมครบ

อันดับแรกเรารับฟังตามที่ ก.ธ.จ.จังหวัดขอนแก่น ได้ลงพื้นที่สอดส่อง ในช่วงครึ่งปีแรกของงบประมาณ ด้วยการบริหารจัดการของจังหวัดขอนแก่นโดยแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ โดยหลักแล้วทาง ก ธ.จ.จังหวัดขอนแก่น ซึ่ง ดร.สมยงค์ กำหนดไว้ว่าดูทั้งหมด 90 โครงการ เป็นแก้ปัญหาความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นโซนเหนือ โซนใต้ โซนกลางของจังหวัดได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดมากๆ ก็ได้รับฟังในการลงพื้นที่ในช่วงต้น และแผนในการลงพื้นที่ในช่วงถัดไปอีก 2 เดือนก่อนที่จะปิดงบประมาณนี้ ทราบว่าบางโครงการก็ยกเลิกไป ที่ประชุมก็ได้อนุมัติก็ให้ดูโครงการทดแทนไปในส่วนนี้
 

เมื่อช่วงเช้าได้ลงพื้นที่ของปีงบประมาณ 68 ที่จังหวัดให้กับแขวงทางหลวง ส่งเข้าไปว่าเป็นเส้นทางที่ 12 ประมาณสัก 40 ล้านเศษ ซึ่งก็เป็นโครงการเพิ่งเริ่ม แต่วันนี้ ก.ธ.จ.จังหวัดก็ได้ให้เจ้าของโครงการฯติดตั้งป้าย เนื่องจากพี่น้องสัญจรไปมาจะได้รับทราบ ว่าเป็นการใช้งบหลวง ทำอะไรอย่างไร อันที่ 2 จะเน้นย้ำเรื่องของมาตรฐานในการสร้างถนนตามหลักของกรมทางหลวง เพื่อสร้างความมั่นคง และความปลอดภัย อันที่ 3 เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ควรติดตั้งป้ายว่าถนนนี้รองรับน้ำหนักรถที่ขนบรรทุกของได้เท่าไหร่ เพื่อให้ถนนที่ใช้เป็นงบหลวง ใช้การได้คงทน ถาวรต่อไป

สุดท้ายการประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 1/2568 ก็เป็นการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ว่าในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ท่านรอง ประธานฯ ท่าน ก.ธ.จ.และท่านที่ปรึกษาฯ ยืนยันว่า ทุกหน่วยที่ ก.ธ.จ.ขอนแก่น ลงไปสอดส่องให้ความร่วมมืออย่างดีมาก อันที่ 2 เป็นการประชาสัมพันธ์ภารกิจของ ก ธ.จ.จังหวัด ที่เน้นย้ำ ดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลที่ดีทำให้หน่วยงานราชการต่างๆ ในอำเภอ ตำบล และหมู่บ้านได้เข้าใจว่าเรามาด้วยดี เพื่อที่จะเป็นการช่วยชี้แนะ ทำให้การใช้งบประมาณของท่านถูกต้อง
 

“ตนก็ได้เสริมว่าการใช้งบประมาณแค่นี้ว่าการดำเนินการเช่นนี้ ว่าเป็นการใช้มาตรการเชิงป้องกันด้วย ตนก็มีความดีใจที่พี่น้องชาวจังหวัดขอนแก่น เจ้าของงบประมาณ ต้อนรับการลงพื้นที่ของ ก.ธ.จ.ทุกครั้งไป สุดท้ายก็ได้รับทราบอีกว่าทุกพื้นที่มีความเข้าใจ ได้ยินได้รู้จักว่าป.ป.ช., อปท.ในการ การสอดส่อง ก.ธ.จ. ในครั้งนี้ ทำให้เขาเข้าใจว่า ก.ธ.จ.นี้ ทำหน้าที่อย่างไรเพื่อประโยชน์บ้านเมืองของจังหวัดขอนแก่น” นางสาวรื่นฤดี กล่าว.