วันพฤหัสบดี ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2568 01:47 น.

ภูมิภาค

กกต.เชียงใหม่ จัดกิจกรรมเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์

วันจันทร์ ที่ 09 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 20.10 น.
เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2563 เวลา 13.30 น. ที่ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมเชียงใหม่ออคิด อ.เมืองจ.เชียงใหม่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดทำโครงการให้ความรู้ที่เท่าทันในการกระทำผิดทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงป็นประมุข ผู้สมัครนายก อบจ. 3 ราย คือ หมายเลข 1 นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศรหรือ ส.ว.ก๊อง อดีต ส.ว.เชียงใหม่ กลุ่มเพื่อไทยเชียงใหม่ หมายเลข 2นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายก อบจ. 2 สมัย กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม หมายเลข 3 นายวินิจ จินใจ สมาชิกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กลุ่มเชียงใหม่ก้าวใหม่ จากผู้สมัครนายก อบจ. 6 ราย และผู้สมัคร ส.อบจ.42 เขต เข้าร่วม 102 คน จากผู้สมัครทั้งหมด 142 คน โดยมีนายธัชพล อภิรติมัย ปลัด อบจ.เชียงใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการ กกต.ประจำ อบจ.เชียงใหม่ ร่วมและสังเกตการณ์ ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
 
โดยสรุปมีผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ทั้ง 42 เขต จำนวน 140 คน ผู้สมัครชิงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 6 คน ลำดับที่ 1 นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร, ลำดับที่ 2 นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์, ลำดับที่ 3 นายวินิจ จินใจ, ลำดับที่ 4 นายบดินทร์ กินาวงค์, ลำดับที่ 5 นายวสันต์ วัชวงษ์ และลำดับที่ 6 นายเฉลิมศักดิ์ สุรนันท์ ซึ่งภายในกิจกรรมยังมีการให้ความรู้ความเข้าใจในการยื่นเกี่ยวกับเรื่องบัญชีทรัพย์สินและค่าใช้จ่ายพร้อมความรู้ในเรื่องด้านกฏหมายเกี่ยวการขออนุญาติการหาเสียงผ่านสื่ออิเลคทรอนิกส์ด้วย
 
ทางด้านนายเกรียงไกร​ พานดอกไม้​ ผอ.กกต.จังหวัด​เชียงใหม่​เปิดเผยว่า​ วันนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียใหม่ ได้จัดทำโครงการให้ความรู้ที่เท่าทันในการกระทำผิดทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเชิญผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์​ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจและรับทราบแนวทางการเลือกตั้งที่ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบและประกาศที่กำหนด ป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ไม่มีการซื้อสิทธิ์​ขายเสียง ใส่ร้ายป้ายสีซึ่งกันและกัน​ รวมทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายในการหาเสียงที่ต้องรายงานด้วย นอกจากนี้ยังได้จัดพิธีลงนามพันธะสัญญาของผู้สมัครทั้งหมดในการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้งด้วย​ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความโปร่ง​ใส​ และที่สำคัญได้เน้นย้ำเรื่องการห้ามนำเรื่องสถาบันมาใช้หาเสียงรวมทั้งการกระทำอื่นใดที่เข้าข่ายตามที่กฎหมาย​กำหนด​ ล่าสุดยืนยันว่า​ ขณะยังไม่มีเรื่องร้องเรียนใดๆ​ เข้ามา​ซึ่งระหว่างนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบคุณสมบัติ​ของผู้สมัครทั้งนายก​ อบจ. 6 ​ราย​ และ​ ​ส.อบจ.​140 ราย​ ใน 42​ เขต 25 อำเภอ ที่จะประกาศ​รับรองภายใน​ 13​ พ.ย.นี้.
 
กิจกรรมดังกล่าวเพื่อตอบข้อสงสัยผู้สมัครทุกราย เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียกฎหมาย และใช้เป็นแนวทางปฏิบัติถูกต้อง โดยเชิญป.ป.ช.เชียงใหม่ มาให้ความรู้การแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ที่สำคัญผู้สมัครห้ามนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องหาเสียงหรือเลือกตั้งอย่างเด็ดขาด และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ห้ามนักการเมือง ผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ของรัฐ ช่วยผู้สมัครหาเสียง ต้องวางตัวเป็นกลางเท่านั้น
นายเกรียงไกร กล่าอีกว่า มีผู้สมัครนายก อบจ. 6 ราย ผู้สมัคร ส.อบจ. 142 ราย รวมเป็น 148 ราย บางส่วนไม่ได้มาร่วมกิจกรรมดังกล่าว ถือว่าเสียโอกาส เพราะได้สรุปสาระสำคัญการหาเสียงอย่างกระชับ ได้ใจความ เป็นการลดเวลาศึกษาระเบียบกฎหมายได้มาก ส่วนการสืบสวนสอบสวนการกระทำผิดกฎหมาย เป็นหน้าที่ของผู้ตรวจการเลือกตั้ง 7 ราย พร้อมประสานฝ่ายความมั่นคงและการข่าว ติดตามและตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งทุกตำบล และมีเครือข่ายคณะกรรมการส่งเสริมประชาธิปไตยทุกหมู่บ้านเฝ้าระวังและสังเกตการณ์ พร้อมแจ้งเบาะแสทุจริตดังกล่าว แต่ยังไม่พบเบาะแส หรือเรื่องร้องเรียนอย่างใด
 
ทางด้านนายธัชพล กล่าวว่า หลังรับสมัครนายก และส.อบจ. 42 เขตแล้วได้ส่งประวัติผู้สมัครทุกรายไปตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 7 แห่ง ว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ก่อนประกาศเป็นผู้สมัครอย่างเป็นทางการ วันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ถ้าคุณสมบัติผู้สมัครไม่ครบถ้วน ต้องเว้นชื่อและหมายเลขผู้สมัครไว้ ถ้าลงคะแนนถือเป็นบัตรเสียทันที ดังนั้นเลือกตั้งดังกล่าว เป็นการแข่งขันตามระบอบประชาธิปไตย การแพ้ชนะถือเป็นเรื่องปกติ อยากให้ผู้สมัครรู้จักแพ้ รู้จักชนะ มีน้ำใจ และสามัคคีมากกว่า
 
“เบื้องต้นกำหนดหน่วยเลือกตั้ง รวม 3,068 หน่วย มีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง 9 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจ (รปภ.) 2 นาย และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อคัดกรองโควิด 3 คน รวมเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย 14 คน/หน่วย รวมเจ้าหน้าที่จัดเลือกตั้งดังกล่าวกว่า 43,000 คน ซึ่งครั้งแรก ตั้งงบจัดเลือกตั้ง 80 ล้านบาท แต่เพิ่มเป็น 116 ล้านบาท เนื่องจากมีหน่วยเลือกตั้งเพิ่ม ตามมาตรการควบคุมโรคของสาธารณสุขด้วย”.

หน้าแรก » ภูมิภาค