วันที่ 4 ธ.ค. 63 จ.สุราษฎร์ธานีตลอดทั้งวัน ฝนหยุดตกเกือบทุกพื้นที่ หลายอำเภอเริ่มคลี่คลายยกเว้นพื้นที่ลุ่มของ อ.พุนพิน ได้แก่ ม.6 บ้านท่าตะเภา ม.7 บ้านหาดผก  ต.ท่าข้าม / ม.2 ต.ท่าโรงช้าง  มวลน้ำยังทะลักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ระดับน้ำสูงกว่า 1  เมตร ชาวบ้านกว่า 50 ครัวเรือนทยอยขนย้ายทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยงมาอยู่บนถนนทางหลวงสาย 401 ตอนท่าโรงช้าง-กม.ศูนย์ ระยะทางประมาณ 3 กม.ทางเจ้าหน้าที่ต้องปิดถนน 1 ช่องจราจร

 

ขณะที่ชาวบ้านร้องขอไฟส่องสว่างเนื่องจากในช่วงกลางคืนหวั่นว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ซึ่งอาจจะต้องอยู่ยาวนานนับเดือน เพราะคาดว่าอีก2-3วันนี้มวลน้ำจะทะลักเพิ่มสูงขึ้นอีก ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำตาปีที่บริเวณเขตเทศบาลเมืองท่าข้ามและไหลลงสู่ปากอ่าวบ้านดอนลงทะเลต่อไป

ชาวบ้านบอกด้วยว่าน้ำท่วมครั้งนี้น่าจะใกล้เคียงกับปี 2559 ในตอนนั้นอยู่บนถนนนานเกือบ 2 เดือน และปีนี้น่าจะใกล้เคียงกันหรืออาจจะนานถึง 3 เดือน

 

 

ล่าสุดนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายจำนงค์ สวัสดิ์วงศ์ หัวหน้าสำนักงาน ปภ.จังหวัดสุราษฎร์ธานี นำคณะลงเยี่ยมพบปะประชาชนที่อพยพหนีน้ำขึ้นมาอยู่บนบริเวณสะพานจุลจอมเกล้า จำนวน 16 ครัวเรือน โดยได้มอบถุงยังชีพและข้าวสารอาหารแห้งบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น

 

 

จากนั้นเดินลุยน้ำสูงระดับหน้าอกเข้าไปยังบ้านปากบางท่าข้าม หมู่ที่ 3 ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมกว่า 400 ครัวเรือน มอบถุงยังชีพและข้าวสารอาหารแห้งโดยกำลังทหาร ร.25 พัน.3 มทบ.45 ค่ายวิภาวดี รังสิต ได้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้เเก่ประชาชนที่อยู่ริมฝั่งเเม่น้ำลำคลอง กว่า 200 ครัวเรือน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำเอ่อล้นตลิ่ง มีน้ำท่วมขัง 60 - 90 ซ.ม. ส่วนพืชสวนได้รับผลกระทบประมาณ 1,000 ไร่ เเละถนนหลายสายในหมู่บ้าน รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ และต่อไปยังบ้านนาค้อ-หนองจอก หมู่ 1 ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน

 

รายงานข่าวแจ้งว่า สถานการณ์ล่าสุดมวลน้ำจาก จ.นครศรีธรรมราช เเละพื้นที่ใกล้เคียงได้ไหลมาสบทบกับมวลน้ำใน อ.พุนพิน ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้ทะเล ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลหนุนสูง จึงทำให้น้ำล้นตลิ่งรวดเร็วซึ่งน้ำทะเลจะหนุนสูงวันที่ 15 ธ.ค.