วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงสถานการณ์ผ่อนคลายโรคโควิด บวกกับหยุดยาววันมาฆบูชา ในจังหวัดนครพนมยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ เหมาะแก่การไปกราบไหว้ขอพร ชื่นชมความสวยงาม และศึกษาประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา คือ   วัดป่าเทพนิมิตรเจดีย์สามัคคีธรรม  บ้านนาคู่น้อย ม 9 ต.นาคู่ อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์สามัคคีธรรมที่เกิดจากความศรัทธาของหญิงร่างทรงคนหนึ่งชื่อ คุณยายสุ่นปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ได้นิมิตฝันเห็นสถานที่ดังกล่าว ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสถานที่อยู่อาศัยขององค์ปู่พญานาคจึงได้ร่วมกับชาวบ้าน รวมถึงปรึกษาเจ้าอาวาสพระอาจารย์อารี เตชะธัมโม อายุ  60 ปี ร่วมกันก่อสร้างขึ้นเมื่อประมาณ ปี 2527  โดยมีหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ หรือพระสุนทรธรรมากร อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เป็นประธานในการวางศิลาฤกษ์ ร่วมกับแรงศรัทธาของชาวบ้าน

 

 

ลักษณะการสร้าง เป็นเจดีย์ทรงยอดแหลม สูงประมาณ 10 เมตร  ฐานกว้างประมาณ 5 เมตร ใช้วัสดุก่อสร้างจากหิน ดิน ทราย ภายในบรรจุสิ่งของมีค่าโบราณ รอบนอกจะมีการประดับตกแต่งเรียงรายลักษณะเป็นเจดีย์องค์เล็กลดหลั่นกัน  จำนวน 84,000 องค์ ซึ่งเปรียบได้กับคำสอนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ 84,000 พระธรรมขันธ์  นอกจากนี้มีการสร้างพญานาครวม 8 ตน ดูแลปกปักษ์รักษา  ที่สำคัญเกล็ดพญานาคทุกตนจะสร้างด้วยเปลือกหอยแครงธรรมชาติที่สวยงามลงตัวหลายแสนเปลือก ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ซึ่งเป็นการออกแบบเพื่อสื่อถึงความศรัทธาชาวบ้านที่รวบรวมมาบริจาค รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างในยุคนั้น 

 

จากการสอบถามนายเขต  วงศ์ศรีชา อายุ 74 ปี รองนายก อบต.นาคู่ ซึ่งเป็นผู้ดูแลอุปถัมภ์วัดมาหลาย 10 ปี และเป็นผู้หนึ่งได้ร่วมก่อสร้างพระเจดีย์มาตั้งแต่ต้น  เปิดเผยว่าสำหรับวัดแห่งนี้ถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ และเป็นเจดีย์เก่าแก่ที่สร้างจากความเชื่อ ความศรัทธาของชาวบ้าน เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อรักษาไว้ถึงคำสอนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดคือ 84,000 พระธรรมขันธ์ จึงมีการออกแบบก่อสร้าง ทำเป็นเจดีย์ขนาดเล็กเรียงราย จากฐานสู่ยอดรวม 84,000 องค์ ทำจากหินทราย 

 

 

ปัจจุบันได้มีการบูรณะตกแต่งด้วยสีทองเหลือง  ที่สำคัญรอบองค์เจดีย์  84,000 พระธรรมขันธ์ ยังมีการออกแบบก่อสร้างองค์พญานาคไว้ปกปักษ์รักษาตามความเชื่อ เนื่องจากเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดินแดนพญานาค ผู้ปกปักษ์รักษาศาสนา และพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีการออกแบบสร้างพญานาค 5 ตนเลื้อยจากฐานขึ้นสู่ยอดเจดีย์ ส่วนอีก 3 ตนจะเลื้อยขนดรอบองค์พระธาตุ แต่รวมกันเป็น  3 เศียร  ซึ่งเชื่อว่าเป็นองค์พญานาคที่มีหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปจนกว่าจะหมดยุคของพระศาสนา 5,000 ปี ก็ถึงยุคพระศรีอริยเมตไตรย

 

สิ่งที่น่าตื่นตาแปลกกว่าการก่อสร้างพญานาคตามสถานที่ต่างๆ คือ เกล็ดพญานาคทุกตน จะทำด้วยเปลือกหอยแครงธรรมชาติที่ชาวบ้านรวบรวมมาบริจาค ทำการก่อสร้าง เป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนา รวมถึงสร้างความตื่นตาให้กับผู้พบเห็น เดิมจะเป็นสีหอยแครงธรรมชาติ ปัจจุบันมีการบูรณะเพื่อความสวยงามทาสีเป็นเขียวมรกต อีกทั้งเป็นการลดค่าใช้จ่ายต้นทุนในการก่อสร้าง

 

 

นายเขตกล่าวต่ออีกว่า  สถานที่วัดแห่งนี้ปัจจุบันถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านในพื้นที่ และเป็นที่สนใจของประชาชนนักท่องเที่ยว เดินทางมากราบไหว้ขอพร เชื่อกันว่าใครที่ได้มากราบขอพรจะมีโชคลาภร่ำรวย  บุญบารมีขององค์พระเจดีย์ 84,000 พระธรรมขันธ์ รวมถึงองค์พญานาคจะปกปักษ์รักษาคุ้มภัย ประทานพรให้ร่ำรวย มีสุขภาพแข็งแรง  รวมถึงภายในวัดยังเป็นอีกที่เดียวที่มีการก่อสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เป็นพระประธาน ความสูงกว่า 30 เมตร หน้าตักกว้างกว่า 20 เมตร  รวมถึงมีองค์ขนาดเล็กสร้างประดิษฐานไว้จากพลังศรัทธาของชาวบ้าน จำนวนกว่า 200 -300 องค์ เพื่อเป็นสิริมงคล ฝากเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมความสวยงาม และขอพรเพื่อความร่วมเย็นเป็นสุข และร่วมทำบุญเพราะเจดีย์แห่งนี้ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์  ยังรอพิธียกยอดฉัตรเฉลิมฉลองตามประเพณี