จากกรณี อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พบมีผู้บุกรุกพื้นที่ป่าบางกลอยบน หรือใจแผ่นดิน ที่ห่างจากบางกลอยล่าง ประมาณ 13 กิโลเมตร พื้นที่มากกว่า 150 ไร่ จึงมีการสนธิกำลัง จนท.อุทยานฯ ทหาร ตำรวจ ปกครองเปิดยุทธการ “ พิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร ” และพบว่านายนอแอ๊ะ มีมิ ลูกชายปู่คออี้ มีมิ นำกลุ่มชาวบ้านเกือบ100 คน เข้าไปอยู่บริเวณป่าบางกลอยบน  โดยยืนยันจะอยู่ในพื้นที่ จนกว่าจะได้รับในสิ่งที่เรียกร้องรวม 7 ข้อ โดยตั้งแต่เริ่มยุทธการวันแรก แม้ จนท.ได้ใช้ความพยายามพูดจาให้ออกจากป่า แล้วจะช่วยกันแก้ปัญหาให้ แต่กลุ่มชาวกะหร่างก็ยังยืนกราน จะอยู่ป่าบางกลอยบน หรือใจแผ่นดิน ไม่ยอมออกจากป่า ตั้งแต่วันที่22ก.พ.ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้ว 

 

สำหรับยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร เริ่มดำเนินการระหว่างวันที่ 20  ก.พ.- 5 มี.ค. 2564 ซึ่งเป็นการประสานงาน สนธิกำลังร่วมกันหลายหน่วยงานกว่า 100 นาย ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กองร้อยน้ำหวาน อช.แก่งกระจาน หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ สำนักป้องกันฯ กรมอุทยานแห่งชาติฯ กองการบิน ทส. กองร้อย ตชด.144 ทหาร หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ ทหารรบพิเศษที่ 1 แก่งกระจาน และกองกำกับการ 5 บก.ปทส. โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ จำนวน 3 ลำ ในการลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ 

 

 

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 5 มี.ค. 2564 นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานฯ นายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร รองผวจ.เพชรบุรี นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี  พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหาร ตำรวจ ปกครอง เข้าประชุมปรึกษาในภารกิจวันนี้ ที่ห้องประชุมที่ทำการอุทยานฯแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หลังจากประชุมปรึกษาในภารกิจจนเข้าใจ ยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร ต้องจบในวันนี้ หลังยืดเยื้อมาเป็นเวลา ถึง 15 วัน โดยการปฎิบัติการในวันนี้ ใช้เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ เพื่อลำเลียงชาวบ้านอกจากป่า มีกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย เข้ามาปฎิบัติการในพื้นที่ รวมทั้งวางกำลังบริเวณที่ทำการอุทยานฯแก่งกระจาน

 

ต่อมาเวลา 08.00 น.เฮลิคอปเตอร์ ทั้ง 3 ลำ ยกตัวออกจากสนามฮ.หน้าที่ทำการอุทยานฯแก่งกระจาน นำเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติฟการ เดินทางไปยังใจกลางป่าแก่งกระจาน ต้นแม่น้ำเพชรบุรี บริเวณบางกลอยบนหรือใจแผ่นดิน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำหมายจับศาลจ.เพชรบุรี แสดงให้นายนอแอ๊ะ มีมิ และพวกดู โดยไม่มีการบังคับขู่เข็ญหรือใช้กำลังใดๆ ซึ่งมีจำนวนที่ศาลออกหมายรวม 30 คน หลังนายนอแอ๊ะ ทราบเรื่องก็พูดคุยกับกลุ่มชาวบ้าน และยินยอมให้เจ้าหน้าที่นำตัวทุกคนขึ้นฮ. โดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืน ในการลำเลียงชาวบ้านทั้งหมดรวม82คน ใช้เวลาราว7ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ  

 

 

ทั้งนี้ฮ.ได้นำกลุ่มชาวกะหร่างทั้งหมด 85 คน มาที่อุทยานฯแก่งกระจาน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวทุกคนแล้วแยกผู้หญิงเด็กและคนที่ไม่มีชื่อในหมายจับ ออกจากลุ่มโดยทำบันทึกไว้และปล่อยตัวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งกลับบ้านบางกลอยล่าง ส่งนายนอแอ๊ะ มีมิ และพวกรวม30 คนที่ถูกออกหมายจับนั้น พนักงานสอบสวนสภ.แก่งกระจาน ได้มาทำการสอบสวนปากคำ ที่ทำการอุทยานฯ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ

 

ขณะเดียวกันได้มีกลุ่มชาวกะเหรี่ยงจากอ.หนองหญ้าปล้อง และชาวกะหร่างจากบ้านบางกลอย รวมกว่า30 คน เดินทางมายังอุทยานฯแก่งกระจาน เพื่อขอเยี่ยมญาติที่เจ้าหน้าที่นำตัวออกจากป่า โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการตรึงกำลังไว้โดยรอบอุทยานฯ ได้นำชาวกะหร่างเข้าไปรอพักที่ในร้านอาหารสวัสดิการ  

 

โดยนายเกรียงไกร ชีช่วง ผู้ประสานงานเครือข่ายกะเหรี่ยงฯ เขตตะนาวศรี เป็นแกนนำ พยายามขอเข้าไปเยี่ยมพี่น้องชาวกะเหรี่ยง ที่ถูกจับลงมาจากบ้านบางกลอยบน โดยชูป้ายผ้าขอใช้สิทธิทนายความ ที่มาจากฝ่ายสิทธิมนุษยชน แกนนำกลุ่มชาวกะหร่างได้พยายาม จะพาชาวบ้านเข้าไปบริเวณด้านห้องประชุม ริมอ่างเก็บน้ำ ซึ่งเป็นบริเวณที่เจ้าหน้าที่นำนายนอแอ๊ะ พร้อมพวกมาไว้ แต่เจ้าหน้าที่ก็เข้าไปพูดคุยห้ามปราม ขอให้รอผู้บังคับบัญชาออกชี้แจงพูดคุย 

 

 

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของชาวบ้าน คือต้องการใช้ทนายความจากศูนย์ทนายความ เพื่อสิทธิมนุษยชน เพื่อช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยง ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับดำเนินคดี เพราะตอนนี้ทราบว่าการสอบปากคำในห้องประชุมของอุทยานฯ แก่งกระจาน ฝ่ายรัฐได้ตั้งทนายความขึ้นมา จึงไม่มั่นใจในขั้นตอนทางกฎหมาย และความเป็นธรรม 

 

ขณะที่บริเวณด้านหน้าร้านสวัสดิการ มีกลุ่มชาวอำเภอแก่งกระจาน ที่อาศัยทำกินอยู่บริเวณใกล้บ้านโป่งลึก-บางกลอย ออกมาชูป้าย คัดค้านการกลับเข้าไปในป่าของชาวกะเหรี่ยง จึงเกิดปะทะคารมกันพอสมควร ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และทหารจากค่ายทับพระยาเสือ พยายามไกล่เกลี่ยและแยกออกห่างจากกัน เพื่อความสงบ กลุ่มชาวเพชรบุรี  ได้นำป้าย สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ในการปฎิบัติการตั้งแต่วันแรก จนถึงในวันนี้ อันเป็นการกระทำที่ถูกต้อง และถูกกฎหมาย เป็นการรักษาผืนป่าจากการถูกบุกรุก 

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินคดีกับชาวกะเหรี่ยง ที่อพยพขึ้นไปบ้านบางกลอยบน ทราบว่าขณะนี้ มีผู้กลุ่มชาวกะหร่าง ที่ถูกออกหมายจับรวม 30 คน แต่พบเพียง22คน หนึ่งในนั้นคือนายนอแอ๊ะ มีมิ ลูกชายปู่คออี้ ผู้นำทางจิตวิญญาณชาวกะเหรี่ยง ที่เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนข้อหาที่กลุ่ม30คน  

 

เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหารวม 2 ข้อหาหนัก 1.ร่วมกันยึดถือหรือครอบครองที่ดินภายในอุทยานแห่งชาติ ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพ หรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ ไปจากเดิม โดยกระทำในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่1 ตามมาตรา19 (1) แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกอบมาตรา 41 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 

 

 

2. ร่วมกันเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใด อันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 19 (2) แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกอบมาตรา 42 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 

 

ต่อมาเวลา17.30 น.เจ้าหน้าที่ได้นำนายนอแอ๊ะและพวกรวม22คน ที่บุกรุกเข้าไปอยู่ในพื้นที่ ป่าบางกลอยบนหรือใจแผ่นดิน รวม86ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้คัดแยก ซึ่งมีทั้งผู้หญิง ผู้ชายและเด็ก ตามหมายจับ 22 คน ชาย 15 หญิง 7 โดยเปรียบเทียบปรับ 27 คน เป็นชาย 12 คน หญิง 15 คน ไม่ดำเนินคดีเพราะเป็นเด็ก(ไม่เกิน 15 ปี) 36 คน เป็นชาย 18 คน หญิง 18 คน  รวมทั้งสิ้น 85 รายโดยมีบุคคลที่มีชื่อ อยู่ในหมายจับรวม 22 คน ในจำนวนทั้งหมด 30 คน  ซึ่งในจำนวนนี้มีเยาวชนรวมอยู่ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ ต้องคัดแยก พร้อมส่งตัวไปยื่นคำร้อง ฝากขังที่ศาลจ.เพชรบุรี โดยมีกลุ่มชาวกะหร่างได้ติดตามไปที่ศาลจ.เพชรบุรี และเรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง ต.วังจันทร์ อ.แก่งกระจาน เพื่อติดตามดู เพื่อช่วยเหลือขอประกันตัวต่อไป ส่วนกลุ่มผู้ที่ถูกปรับผู้หญิงและเด็กจนท.ใช้รถ10คันนำส่งกลับบ้านบางกลอยล่าง ต่อไป