วันเสาร์ ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2568 02:13 น.

ภูมิภาค

เรือประมงพื้นบ้านระยอง 400 ลำ วอนรัฐเยียวยาถมทะเลมาบตาพุด

วันพุธ ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2564, 17.08 น.

พลังกลุ่มประมงพื้นบ้านชายหาดเมืองระยอง 9 กลุ่ม 450 ลำ เดือดร้อนอย่างหนัก เขตทะเลชายฝั่งมาบตาพุด จ.ระยอง ถูกถมกว่า 1.000 ไร่ ยื่นหนังสือทางบก 2 ครั้ง ไร้วี่แววไม่มีเสียงตอบรับการเยี่ยวยาประมงพื้นบ้าน ระดมพลเรือประมงเล็กยื่นหนังสือให้ การนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ทบทวนหาทางแก้ไขโดยใช้โมเดลท่าเรือแหลมฉบัง ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านยืนยันไม่ใช่การขัดขวาง หรือประท้วงการถมทะเล

 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 29 เม.ย.64 เรือประมงพื้นบ้านจังหวัดระยอง กว่า 400 ลำ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถมทะเล จะเดินทางไปยังบริเวณ ท่าเรือมาบตาพุด เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาล เมตตา สงสารชาวประมงพื้นบ้านที่ได้รับผลกระทบโตยตรงกับการถมทะเล โดยให้พิจารณาในเรื่องการเยียวยา เหมือนกับที่ทางท่าเรือแหลมฉบัง ได้มีการเยียวยาให้ก้บชาวประมง จำนวนเงิน 160 ล้านบาท ภายใน 6 ปี เพราะขณะนี้โครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ได้เริ่มดำเนินการแล้ว แต่ประชาชน โดยเฉพาะชาวประมงไม่มีส่วนร่วม อีกทั้งไม่ได้รับการเยียวยาแต่อย่างใด

 


นายศรีนวน อักษรศรี ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านตากวน อ.เมือง จ.ระยอง เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวการรวมตัวยื่นหนังสือ นั้นเป็นความจริง โดยมี กลุ่มอนุรักษ์บ้านพลา กลุ่มหนองแฟบสามัคคี กลุ่มบ้านตากวน กลุ่มสุชาดาสะพานเมือง กลุ่มบ้านตรอกยายชา กลุ่มปากน้ำบ้านเร่า กลุ่มหัวบ้าน กลุ่มแหลมรุ่งเรือง และกลุ่มก้นปึก รวมจำนวน 9 กลุ่ม 450 ลำ ได้ตอบรับแล้วว่า จะเข้าร่วมขบวนแห่เรือ เพื่อยื่นหนังสือในทะเลให้กับ การนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อให้พิจารณาทวบทวนในการเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนในระยะยาว เพราะมีการขยายท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3

 


และกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีกระแสโจมตีว่า กลุ่มประมงพื้นบ้านจะสร้างความเดือดร้อน อีกทั้งจะไปปิดอ่าว ขัดขวางการพัฒนาท่าเรือ ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว พวกเรือประมงจะไปยื่นหนังสือขอความเมตตากับ ภาครัฐ ให้พิจารณาเรื่องดังกล่าว ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการ ต่อต้าน ขัดขวาง การถมทะเล เพราะที่ผ่านมากลุ่มประมงได้พยายามทุกวิถีทางแล้ว เคยทำหนังสือส่งไปยัง นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 1 ครั้ง แต่เรื่องก็เงียบหายไป ไม่มีการชี้แจง หรือให้คำตอบแต่อย่างใด และสาเหตุที่ต้องไปยื่นหนังสือทางเรือนั้น เพราะคิดว่าเป็นวิธีสุดท้ายที่เปรียบเสมือนหมาจนตรอกแล้ว จึงเปลี่ยนวิธียื่นหนังสือในทะเลบ้าง อาจได้รับการพิจารณาช่วยเหลือจากภาครัฐ ยอมรับว่าหมดหนทางแล้ว

 


ท้ายสุด ขอวิงวอนให้รัฐบาล และการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ได้หันหลังกลับมามองชาวประมงที่ได้รับความเดือดร้อนในระยะยาว วิถีชีวิตชาวประมงที่สืบทอดกันมาจนถึงทุกวันนี้ จะให้พวกเราเปลี่ยนวิถีไปทำอาชีพอื่นคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะองค์ประกอบของการดำเนินชีวิตได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะองค์ความรู้ไม่สามารถจะเข้าไปประกอบอาชีพอื่นได้ ที่น่าแปลก ทำไมการท่าเรือแหลมฉบัง ไม่มีปัญหาเหล่านี้ ชาวประมงได้มีส่วนร่วม ได้รับการเยียวยาอย่างทั่งถึง จึงขอให้รัฐบาลพิจารณานำโมเดลของท่าเรือแหลมฉบัง มาใช้กับชาวประมงเมืองระยอง ด้วย

หน้าแรก » ภูมิภาค