เมื่อเวลา 12.30น. วันที่ 29 เม.ย. 2564 พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รองผบ.ฉก.ลาดหญ้า เปิดเผยว่า กำลังเจ้าหน้าที่ทหารมว.ลว.ที่ 4 ฉก.ลาดหญ้า จุดตรวจร่วมเขาหนีบ ร่วมกับ ร้อย.คร. ,มว.ปชด.(เพิ่มเติมที่ 1)บ.บ้องตี้ ,ชุดปฎิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์ ,ชป.กร.สุรสีห์ ที่ 105   ร้อย.ทพ.ที่ 1115 ,และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ออกลาดตระเวนตรวจ บริเวณ ชายป่าบ้านประตูด่าน หมู่ 14 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พบผู้ต้องสงสัย เดินเท้ามาเป็นกลุ่มจำนวน 13 คน ลัดเลาะมาตามข้างถนน พร้อมสัมภาระ จนท.จึงเข้าตรวจสอบ พบว่าบุคคลกลุ่มดังกล่าว เป็นแรงงานต่างด้าวชาวพม่า จำนวน 13 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 6 คน ตรวจสอบไม่พบเอกสาร หรือหนังสือเดินทาง   

 

จากการสอบถามผู้ต้องหา ทั้งหมดจะไปทำงานที่ มหาชัย จ.สมุทรสาคร โดยเดินทางมากจากเมืองทวาย ประเทศพม่า ใช้เวลาเดินเท้า ประมาณ 8 วัน โดยลัดเลาะตามเส้นทางตามธรรมชาติ  ได้จ่ายเงินให้นายหน้า ฝั่งพม่าก่อนเดินทาง เป็นจำนวนเงินคนละ 12,000-15,000 บาท จนท.สาธารณสุข ได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ผู้ต้องหาเบื้องต้น ไม่พบอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส นำตัวผู้ต้องหาส่ง พงส.สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป  

 

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเพียงเวลาแค่3วัน เจ้าหน้าที่จับกุมแรงงานชาวพม่า ที่ลักลอบเข้าราชอาณาจักร ทางด้านอ.ไทรโยค อ.เมืองกาญจนบุรี เกือบ 200 คน ทั้งที่เจ้าหน้าที่ทหาร ปกครอง ตำรวจ ก็พยายามออกตรวจตราลาดตระเวน ตามแนว ชายแดน อย่างเต็มที่ก็ตาม แต่ด้วยเหตุปัญหาการสู้รบ ในประเทศเมียนมาในขณะนี้ รวมทั้งปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศเมียนมา 

 

จึงทำให้ประเทศไทยเนื้อหอม แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ยอมเสียเงินให้กับกลุ่มขบวนการลักลอบนำพา เข้าประเทศไทย เพื่อไปทำงานในพื้นที่จังหวัดต่างๆ เชื่อว่าขณะนี้ ยังมีแรงงานต่างด้าวที่หลบซ่อน  อยู่แนวชายแดนไทย-เมียนมา อีกจำนวนมาก ที่บรรดากลุ่มนายหน้า ขบวนการลักลอบนำพา รอจังหวะเวลาที่จะนำพาแรงงานต่างด้าว เข้าพื้นที่ชั้นในไปตามจังหวัดที่มีใบสั่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็พยายามออกลาดตระเวนสกัดในทุกเส้นทาง