วันที่ 8 พ.ค.64 ขณะนี้ พบว่า กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ขายบังไฟเล็กสินค้าOTOPประจําหมู่บ้าน ของหมู่บ้านพิมาน ต.แก อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ โอดครวญหลังจากที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือดโควิด-19 ทําให้ประเพณีบุญเดือน6 ของพี่น้องชาวอีสาน ที่เคยปฏิบัติติดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน เพื่อเป็นการขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล เรียกว่า "ประเพณีบุญบังไฟ" ขณะนี้ได้ หดหายหรืองดการจัดงานยกเลิกงานบุญบังไฟมาเกือบ 2 ปี ตั้งแต่มีเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 แพร่ระบาดหนัก จนถึงขณะนี้ สำหรับพี่น้องประชาชน ในอําเภอรัตนบุรี ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยจัดประเพณีงานบุญบังไฟมาทุกๆปีและแต่ละปีจะจัดงานยิ่งใหญ่ส่งเสริมการท่องเทียว วัฒนธรรมอันดีงาม ของท้องถิ่น ในทางอําเภอ แต่ระยะ 2 ปีมานี่กิจกรรมต่างๆประเพณีบุญบังไฟแต่ละตําบล แต่ละหมู่บ้านได้ถูกสั่งยกเลิกไปหมด

 

จึงทําให้กลุ่มสินค้าในชุมชนหรือสินค้า OTOP บ้านพิมาน ต.แก อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ต้องเดือดร้อนหาแหล่งจําหน่ายไม่ได้ ต้องขาดรายได้ และปัญหาใหญ่คือเงินทุนต่างๆต้องยิบยืมเขามาลงทุนและสินค้าบั้งไฟขนาดเล็กที่ได้รับเป็นสินค้า OTOP ประจําหมู่บ้านจากการส่งเสริมขององค์การบริหารส่วนตําบลแก ให้เป็นหมู่บ้านผลิตบังไฟเล็กขายและเพื่อส่งเสริมด้านประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น จึงอยากวอนให้หน่วยงานภาครัฐ ขอโอกาสพวกตนได้วางขายวางจําหน่ายได้โดยไม่ผิดกฏหมายในช่วงเดือน พฤษภาคม

 

นายทองเลียน สุขสวรรค์ อายุ 54 ปี 17 หมู่ 5 บ้านพิมาน ต.แก อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ กล่าวว่าตนมีอาชีพทํานาหลังจากหมดฤดูทํานาตนและครอบครัวและกลุ่มชาวบ้านในหมู่บ้านจะรวมตัวกันผลิตบังไฟเล็กขายมาเกือบ 15 ปี มีทั่งบังไฟท่อPVC  ขนาดเล็กและบังไฟกาบกล้วย  ซึ่งใช้กาบของต้นกล้วยมาห่อหุ้มจนได้รับเป็นสินค้าOTOPของชุมชนของตําบลแก จากการส่งเสริมด้านการเงินสนับสนุนและส่งประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน

 

ก่อนที่จะมีเชื้อไวรัสโควิด-19เข้ามานั้นทําให้ ประเพณีงานบุญเดือน 6 บุญบังไฟจะหดหายและถูกยกเลิกออกไปเกือบทุกจังหวัดในเขตภาคอีสาน ตนและกลุ่มชาวบ้านพิมานจึงไม่สามารถขายของได้ โดยครั้งที่จัดให้มีประเพณีงานบุญบังไฟนั้นตนเคยตระเวนขายตามงานต่างๆได้วันละ3,000-5,000บาทเลยทีเดียว แต่มายุคโควิด -19 กําลังระบาดตนและกลุ่มชาวบ้านด้วยกันต่างไม่มีรายได้ใดๆหนี้สินเงินที่ยิบยืมเขามาต้องหนักเป็นภาระ

และตลอดเกือบ 3 ปีมานี่หลังทางอําเภอรัตนบุรี งดจัดกิจกรรมประเพณีบุญบั้งไฟมาพวกตนบางส่วนยังคงนําบั้งไฟ มาวางขายแต่เฉพาะเดือนพฤษภาคมเท่านั้นขายแต่ละวันได้เพียงวันละ200-500ต่อ วันเท่านั้นแต่จําต้องนําวางขายและยังต้องมาเสี่ยงเจ้าหน้าที่ตํารวจมาจับและปรับ

 

ส่วน นางบุญถิน ถาวร อายุ 61 ปี 7 หมู่ 5 บ้านพิมาน ต.แก อ.นัตนบุรี จ.สุรินทร์ แม่ค้าขายบั้งไฟเล็กมาวางขายเช่นกันเล่าว่าตนขายมา 25 ปี รายได้สูงสุดช่วงจัดให้งานบุญประเพณีเดือนพฤษภาคม ช่วงนั้นขายได้วันละ1,000-2,000บาท ต่อวันเลยที่เดียว แต่ระยะหลังที่มีโรคโควิด-19มานี่งานบุญประเพณีที่เคยจัดเหมือนทุกๆปีก็ถูกยกเลิกไปรายได้ก็หดหายเงินทุนที่กู้ยืมมาลงทุนก็ตกเป็นภาระของครอบครัวและหลังจากที่มีโรคโควิดระบาดประเพณีบุญบังไฟก็ถูกงดและทางเจ้าหน้าที่ตํารวจก็สั่งห้ามวางจําหน่ายเช่นกัน แต่พวกตนก็ยังฝ่าฝืนนําบั้งไฟมาขายกันตามท้องถนนสายรัตนบุรี-ศรีสะเกษ ตั้งแต่หน้าสวนศรีนครเตา ไป จนถึงหน้า อบต.ไผ่ โดยพวกตนมาขายบังไฟเล็กได้เพียง 4-5วันขายได้วันละ200-500บาทต่อวันเองและต้องเสี่ยงถูกตํารวจจับถูกปรับกันไปตามระเบียบ