จากกรณีที่มีนำเสนอข่าวทางสื่อโซเชียลและทางสื่อโทรทัศน์บางช่อง ระบุว่า "โรงพยาบาลสุรินทร์ ปฏิเสธการรักษาผู้ป่วย จนต้องเข้า ICU ปล่อยผู้ป่วยฉุกเฉินรอนานถึง 30 นาที และไม่มีการดูแลรักษาจาก จนท. รวมถึงปล่อยให้ผู้ป่วยฟุบลงไปหน้าห้องฉุกเฉิน"

 

และในเวลาต่อมา ทางคณะผู้บริหารโรงพยาบาลสุรินทร์ นำโดย นพ.ประวีณ ตัณฑประภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เรียกประชุมด่วนเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หาข้อเท็จจริง โดยได้ข้อมูลจากผู้ปฏิบัติงานและกล้องวงจรปิดทั้ง 14 จุด บริเวณอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ซึ่งทางโรงพยาบาลสุรินทร์ ขอรายงานข้อเท็จจริงดังนี้ครับ

 

 

นพ.ประวีณ ตัณฑประภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ ระบุว่า เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น มีการีระบุว่าเป็นโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสุรินทร์ จาการตรวจสอบภาพที่สื่อทีวีบางช่องนำเสนอข่าว พบว่าเป็นโรงพยาบาลสุรินทร์  เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2564 เวลาประมาณ 00.02 น.  พี่ขับรถพร้อมผู้ป่วย 3 คน คนขับรถอุ้มผู้ป่วยลงจากรถกระบะมาลงเปล ซึ่งพนักงานเปลได้เตรียมรอรับและเข็นเปลเข้าไปยังห้องฉุกเฉินทันที ภายในเวลา 2 นาที  โดยมีพี่ชายผู้ป่วยเข้าไปด้วย และได้ใช้เสียงดังว่าให้มาดูแลน้องชายตน   มีพยาบาลเข้ามาสอบถามอาการ และได้แนะนำให้พี่ชาย ออกไปทำบัตรให้ผู้ป่วย พร้อมกับเตรียมวัดความดันและออกซิเจนในเลือดให้ผู้ป่วย แต่พี่ชายไม่ยินยอมและยังโวยวายเสียงดัง จึงต้องให้ รปภ.เข้ามา และเชิญให้ออกไปรอข้างนอกและทำบัตรให้ผู้ป่วย แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินได้เข้ามาดูแล พร้อมกับทีมพยาบาล ผู้ป่วยมีอาการโวยวายไม่ทำตามสั่ง และได้เอามือมาดึงหน้ากากอนามัยของแพทย์ออก เมื่อแพทย์ใส่หน้ากากอนามัยเสร็จก็ทำการตรวจปอดและหัวใจต่อ ขณะที่ผู้ป่วยไม่ได้สวมใส่หน้ากากและมีอาการดิ้นไปมาตลอด จนต้องใช้ จนท.พยาบาลเพิ่มเติม  

 

 

กระทั่งแพทย์ถามว่า ไม่ต้องการให้แพทย์รักษาเหรอ ซึ่งในช่วงนี้ เป็นช่วงการระบาดของเชื้อโควิด-19 แพทย์ และพยาบาล ต้องมีการระวังเพราะมีความเสี่ยง อย่างมากในการดูแลผู้ป่วยอย่างเมื่อผู้ป่วยมา ไม่สวมแมส ก็ยิ่งเพิ่มความหนักใจ ให้แพทย์ และพยาบาล เมื่อตรวจเบื้องต้นแล้ว ผู้ป่วยปอดปกติดี ไม่มีภาวะรุนแรง สัญญาณชีพปกติ แพทย์ให้ผู้ป่วยนอนสังเกตอาการ พยาบาลจึงได้เข็นเปลไปยังจุดสังเกตอาการ ระหว่างที่เข็นเปล ผู้ป่วยได้ลุกออกจากเตียง ปฏิเสธการรักษาและเดินหนีออกไปเองยังทางออก กดสวิทซ์ ประตูดับเบิลดอ ประตูสองสองชั้น ด้วยตัวเอง เดินออกจากห้อง ไปแบบสบายๆ โดยลืมกระเป๋าไว้ จนท.พยาบาล จึงหยิบกระเป๋าเพื่อเดินตามไป และเดินออกมายังหน้าอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน  โดยไม่ได้มีอาการฟุบหรือหมดสติแต่อย่างใด และเข้าไปหาพี่ชาย โดย จนท.ยังได้เดินตาม เอากระเป๋าที่ลืมไว้มาให้ คนไข้ยังเดินพูดคุยกับญาติอย่างปกติ โดยญาติที่มารับยังสวมกอดกับคนไข้ ก่อนที่คนไข้จะเดินไปขึ้นรถ

 

 

และต่อ มาทาง รพ.สุรินทร์ทราบว่าผู้ป่วย กับญาติ ได้เดินทาง ไปทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน แห่งหนึ่ง ทำการแอดมิดเข้ารับการรักษา ทางเจ้าหน้าที่ รพ.สุรินทร์ ได้สอบถามไปยัง รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ทราบว่า คนไข้รายนี้ ไปงานเลี้ยง และดื่มสุรา มา สติมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่วนโรคอื่นก็มีอาการไม่รุนแรงและคนไข้ก็ได้เดินทางกลับบ้านแล้ว  ซึ่งภาพและเนื้อข่าวที่นำเสนอออกไปสร้างความเสื่อมเสีย ให้กับโรงพยาบาลสุรินทร์ ซึ่งทางโรงพยาบาลสุรินทร์ได้ทำการดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินผู้ป่วยใน ผู้ป่วย ได้ตามมาตรฐานของการแพทย์ เรายืนยันในการดูแลรักษาผู้ป่วยดุจญาติมิตรทุกชีวิตมีค่าเท่ากันหมด