วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 17:57 น.

ภูมิภาค

ชาวบ้านโวยสำรวจผลกระทบเส้นเสียงสนามบินอู่ตะเภาไม่ตรงความเป็นจริง ยันไม่ได้ต่อต้านแต่ขอความเป็นธรรม

วันศุกร์ ที่ 06 สิงหาคม พ.ศ. 2564, 10.15 น.
ที่ทำการกำนัน ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง นายชวลิต ร่มรื่นกำนันตำบลสำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง พร้อมด้วย นายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.เขต 4 จ.ระยอง พรรคพลังประชารัฐ และผู้นำชุมชน ต.สำนักท้อน จำนวน 5 คนตามข้อกำหนดพื้นที่ควบคุมโรค และเฝ้าระวังสูงสุดปรึกษาหารือแนวทางคัดค้านการก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 ของท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาสนามบินอู่ตะเภา ภายใต้การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาและพื้นที่โดยรอบ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว
 
ด้านนายชวลิต ร่มรื่น  กางแผนที่เส้นเสียงพร้อมทั้งกล่าวว่าจากการประชุมร่วมกับ บ.ที่ปรึกษาEEC และกองทัพเรือ การประชุมครั้งที่ 1 เป็นการแนะนำตัวโครงการ ส่วนครั้งที่ 2 เป็นการสำรวจผลกระทบด้านเสียงอากาศยานโดยใช้สีเป็นแนวกำหนดสภาวะเส้นเสียงการบินที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบเป็นแนวสีเขียว และสีชมพูซึ่งจะมีชาวบ้านได้รับผลกระทบ 500 ครัวเรือน พอมาครั้งที่ 3 เป็นครั้งสุดท้ายปรากฎว่าเกิดมีเส้นเสียงสีแดงเพิ่ม พร้อมทั้งชี้แจงกับชาวบ้านว่าจะได้รับผลกระทบเพียง 80 หลังคาเรือน ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะ บ.ที่ปรึกษาใช้แบบจำลองเป็นตัวชี้วัดไม่ตรงกับความเป็นจริงจนทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่หมู่ที่ 3 และ8 ไม่ยอมรับ ที่ชาวบ้านเคยทำเรื่องไปยังสำนักแผน และนโยบาย EEC รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือจาก ส.ส.สมพงษ์  โสภณ เขต 4 จ.ระยองลงมาดูแล และให้คำแนะนำปรึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมทั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่มีชาวบ้าน กว่า 400 คนร่วมรับฟังปัญหาจนทำให้ชาวบ้านค้านวอล์คเอ้าท์ออกจากที่ประชุมไปเกินครึ่งมาแล้ว แต่ยังคงฝืนเดินหน้าทำต่อในเบื้องตนเองและชาวบ้าน หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 8  ต.สำนักท้อนจึงต้องต่อต้าน แต่อยู่ในประกาศควบคุมโรคพื้นที่สีแดงเข้ม จึงติดป้ายไว้หน้าบ้านเพื่อแสดงออกถึงพลังของชาวบ้านที่ได้รับผลการทบจากการขยายทางวิ่งขึ้นลงเครื่องบินที่สองของสนามบินอู่ตะเภา แต่ก็ยินดีที่จะให้มีการพัฒนาพื้นที่แต่ต้องนึกถึงชาวบ้านบ้าง ไม่ได้ต่อต้านแต่ขอความเป็นธรรม
 
ทางด้านนายสมพงษ์   โสภณ ส.ส.เขต 4 จ.ระยองกล่าวว่าตามที่กำนันชวลิต กล่าวมาตนเองก็ติดตามมาตลอดและเข้าใจชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจริงจากเส้นทางการบินดังกล่าวควรที่จะตรงกับความเป็นจริงหลังจากที่ประชุมรับฟังผลกระทบกับชาวบ้านทั้ง 3 ครั้งโดยกำหนดจากเส้นเสียงจากเดิม 500 ครัวเรือนจนหดลงมาเหลือแค่เพียง 80 ครัวเรือนโดยใช้แบบจำลองซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในพื้นที่ หมู่ที่ 3 และ หมู่ที่ 8 ต.สำนักทัอน ซึ่งก็มีบทเรียนมาจากสนามบินสุวรรณภูมิมาจนถึงทุกวันนี้ถ้าหากชาวบ้านไม่คัดค้านหรือไม่ทำอะไรเลยตอนนี้ก็จะกลายเป็นว่าชาวบ้านเป็นผู้แพ้ไปในที่สุดก็จะไม่ได้รับการเยียวยาอะไรเลย และตนจะเป็นตัวแทนหาทางช่วยเหลือชาวบ้านทั้งหมดต่อไป

หน้าแรก » ภูมิภาค