วันที่ 18 ส.ค.64 เวลา 13.30 น. พ.ต.ท.สราวุธ สุกก่ำ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะพุ่งชนกับรถจักรยานยนต์ บนถนนทางหลวงชนบทสาย ฉช.4012 เส้นทาง บ้านไทรทอง-สนามชัยเขต พื้นที่ ม.3 ต.หนองไม้แก่น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 2 ราย จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ

 

ที่เกิดเหตุห่างเลยจากบริเวณสี่แยกโรงเรียนไทรทองอุปถัมภ์ มาประมาณ 1.5 กม. พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าแบบแค็บสีดำ หมายเลขทะเบียน บฉ-9559 ชลบุรี พุ่งชนอัดกระแทกเข้ากับต้นไม้ริมทางนอนตะแคงข้างอยู่ภายในร่องสวนยางพาราสภาพพังยับเยิน ภายในตัวรถพบมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายใน 1 ราย ทราบชื่อต่อมา คือ นายนิรัญ บุญสมทบ อายุ 61 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 52/1 ม.4 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

 

  

ส่วนที่บริเวณใต้ท้องรถพบร่างของผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ทราบชื่อต่อมา คือ นายวิน ไพ อายุ 40 ปี สัญชาติกัมพูชา พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 7/1 ม.11 ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ห่างจากด้านหน้าของตัวรถยนต์กระบะไปประมาณ 3 เมตร พบซากของรถจักรยานยนต์คันสีฟ้า หมายเลขทะเบียน 1กฎ-452 ฉะเชิงเทรา นอนล้มตะแคงข้างอยู่ในสภาพถูกชนจนพังเสียหายยับเยิน

 

จากการสอบถามชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ได้เห็นรถทั้งสองคันขับตามหลังกันมาบนเส้นทางจากบริเวณสี่แยกโรงเรียนไทรทองอุปถัมภ์ มุ่งหน้าไปยัง ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต แต่ฝ่ายของคนขับรถ จยย. ได้เปลี่ยนเส้นทางจากเดิมที่ขับมาตามเส้นทางด้านซ้ายออกมายังกลางถนน เพื่อชิดขวาริมเส้นแบ่งทางรถสวนกลับอย่างกระชั้นชิด

 

 

จึงทำให้รถยนต์กระบะที่ขับตามหลังมา และใช้ความเร็วค่อนข้างสูงพุ่งชนที่ด้านท้ายของรถ จยย.อย่างแรง จนทำให้ตัวรถปลิวตกถนนทางด้านขวา และลากซากรถ จยย. พร้อมกับคนขับติดตามไปด้วยกันที่ใต้ท้องรถก่อนที่รถทั้ง 2 คันจะตกลงไปยังในป่าข้างทาง จากนั้นตัวรถได้กลิ้งสะบัดอีกหลายตลบและฟาดเข้ากับต้นไม้จนพังเสียหายยับเยินดังกล่าว

 

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการถ่ายภาพและทำแผนที่เกิดเหตุไว้ โดยได้ให้อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยพนมสารคาม จุด อ.แปลงยาว นำร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ไปให้แพทย์ชันสูตรยังที่ รพ.แปลงยาว พร้อมกับได้ทำการแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นให้ทางญาติทราบ เพื่อให้เดินทางเข้ามาพูดคุยเจรจากัน และจะทำการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ในระหว่างเกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป