วันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 13:50 น.

ภูมิภาค

โคราช ตร.งานเข้าภาพลักษณ์โจรในเครื่องแบบ ส.ต.ท.ร่ำไห้รับปล้นร้านทองเพราะหนี้

วันศุกร์ ที่ 03 กันยายน พ.ศ. 2564, 19.31 น.

นครราชสีมา เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (3 ก.ย.2564) ที่ห้องประชุม สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วย พล.ต.ต. พรชัย นลวชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ.พิษณุ วัตถุ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา, พ.ต.อ.ณรงค์ เสวก รอง บก.ภ.นครราชสีมา และ พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์ ผกก.สภ.ปากช่องฯ พร้อมชุดสืบสวน ชุดสอบสวนติดตามจับกุมคดี ทั้งชุด ตร.ภ.3 และ ตร.ภ.นครราชสีมา ตร.สภ.ปากช่อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทองในห้างฯบิ๊กซีปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง ทราบชื่อคือ ส.ต.ท.อนุชา บุญอารักษ์ อายุ 25 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ช่วยงานสิบเวร ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

 


 

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้กล่าวขอโทษพี่น้องประชาชนที่ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุการณ์นี้ขึ้นมาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียเอง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งนิ้วไหนไม่ดีเราก็ต้องตัดทิ้ง และเจ้าหน้าที่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น เจ้าหน้าที่ก็เร่งทำงานอย่างเต็มที่และดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็ว โดยชุดเสื้อเกราะที่ผู้ต้องหาสวมไปก่อเหตุนั้น เป็นของส่วนตัวแต่อาวุธปืนขนาด 9 มม. เป็นของทางราชการ อย่างไรก็ตามขอเรียนว่า ในช่วงกลางดึกที่ผ่านเราไม่ได้ตั้งใจนำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ตัวผู้ต้องหาเองที่เต็มใจจะพาไป โดย ได้นำเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดที่ซ่อนทอง จุดเผาเสื้อผ้า เราจึงถือโอกาสทำแผนไปเลย ไม่ได้ตั้งใจที่จะหลบหรือกีดกันไม่ให้สื่อไปทำข่าวแต่อย่างใด ประกอบกับ และเป็นการปฏิบัติตามมาตรการโควิดด้วย การสืบหาตัวคนร้ายนั้นเราเอาข้อมูลหลายอย่างมาประกอบกัน โดยเฉพาะเสื้อเกราะที่สวมในวันก่อเหตุทำให้การหาตัวคนร้ายแคบลง ประกอบกับเพื่อนตำรวจก็จำท่าเดินได้และผู้ต้องหารายนี้ลางานไป 2 วันจึงนำไปสู่การจับกุม ซึ่งจากที่ได้พูดคุยกับผู้ต้องหาทางโทรศัพท์เขาก็ร้องไห้ และเสียใจกับการหลงผิด และรับสารภาพและยอมรับผิดต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย เบื้องต้นเราให้ออกจากราชการแล้ว
 

 

ด้าน พล.ต.ต. พรชัย นลวชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา (ผบก.ภ.จว.นม.) กล่าวว่า ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแม้ว่าเราจะเฝ้าระวังอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ซึ่งจากเหตุการณ์นี้เราจะต้องนำกลับมาหาทางป้องกันแก้ไขต่อไป อย่างไรก็ตามเราไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเราพยายามสืบทราบให้เร็วที่สุด จนเรารู้ตัวคนร้าย เมื่อเรียกตัวมาสอบสวนผู้ต้องหาก็รับสารภาพและสำนึกผิด และได้โทรไปขอโทษผู้เสียหาย และให้การในรายละเอียดต่างๆ กับเจ้าหน้าที่ ทั้งรถคันที่ก่อเหตุที่นำไปติดสติ๊กเกอร์ใหม่ จากนี้การดำเนินการก็จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่าเราจะทำคดีอย่างตรงไปตรงมา แม้ผู้ต้องหาจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ขอให้ประชาชนไว้ใจได้

 

 

ขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาไว้ 3 ข้อหา คือ 1.ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธและใช้ยานพาหนะ, 2. พยายามฆ่า และ 3. พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ สำหรับสาเหตุของการณ์ก่อเหตุครั้งนี้ผู้ต้องหารับว่า มีภาระหนีสิ้นมากโดยการไปกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ จ.บุรีรัมย์รวมประมาณกว่า 1.4 ล้านบาท ประกอบกับบิดาป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ต้องใช้เงินจำนวนมากในการผ่าตัดและดูแล ส่วนการสวมเสื้อของไรเดอร์นั้น ก็เพื่อจงใจที่จะอำพรางโดยผู้ต้องหาสั่งซื้อชุดมาไม่ได้เข้าไปเป็นพนักงานแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหารายนี้ได้ย้ายมาจาก สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. มาอยู่ สภ.ปากช่องได้ประมาณ 7 เดือน มีหนี้สินมาจาก จ.บุรีรัมย์ ส่วนของกลาง 132 เส้น น้ำหนัก 126 บาท มูลค่ากว่า 3.5 ล้าน จากการตรวจสอบของเจ้าของร้านทองยืนยันว่าได้มาครบทั้งหมดผู้ต้องหายังไม่ได้นำทองออกไปที่อื่น
 

 

ส่วนที่คนร้ายนำขวดที่มีควันไปตั้งไว้หน้าร้านก่อนลงมือนั้น คนร้ายทำขึ้นมาเองโดยใช้ คลอรีน, น้ำตาลทราย และ ถ้าเอาน้ำมันเบรกใส่ไปจะเกิดควันสีขาว แต่ถ้าใช้น้ำมันเครื่องควันจะมีสีดำ ซึ่งคนร้ายศึกษามาเพราะต้องการอำพรางในช่วงก่อเหตุ

หน้าแรก » ภูมิภาค