วันที่ 9 พ.ย.64  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการปลดล็อคพืชกระท่อมเมื่อวันที่ 24 ส.ค.64 ที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรหันมา เพราะพันธุ์ต้นกล้าต้นกระท่อมขายกันเป็นจำนวนมาก สร้างรายได้ อย่างดี กลายเป็นรายได้หลัก เช่น นางจำปี ทองประเสริฐ อายุ 58 ปี เลขที่ 462 ม.7 ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ตำบลปลายพระยา  อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่  หันมาเพาะชำตนพันธ์พืชกระท่อม แบบเสียบยอด ขายให้กับประชาชนทั่วไป โรงงานผลิตเวชภัณฑ์เกี่ยวกับใบกระท่อม  อย่างจริงจัง หลังมีการปลดล็อคพืชกระท่อมเมื่อวันที่ 24 ส.ค.64 ที่ผ่านมา สร้างรายได้อย่างดี กลายเป็นรายได้หลัก โดยสั่งต้นตอพันธุ์กระท่อมขี้หมู ที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ ตามทุ่งนา ป่าละเมาะ จาก จังหวัดพังงา ราคา ต้นละ 20-23  บาท ขึ้นอยู่กับขนาด  นำมาเป็นต้นพันธ์  เสียบยอด  ด้วย ยอดกระท่อม สายพันธุ์ต่างๆ  ที่เป็นที่นิยม บริโภค เช่น พันธุ์แตงกวา พันธุ์หางกั้ง พันธุ์ก้านแดง พันธุ์ยักษ์รักษา โพธิ์ทอง เป็นต้น 

 

หลังจากนั้นนำไปปักไว้ ในที่ ที่มีน้ำแฉะ มีร่มเงา  ประมาณ 1เดือน ยอดที่เสียบ จะแตกออก ต้นพันธุ์มีรากงอก ออกมา เมื่อมีลูกค้าสั่ง จะถอนมาใส่ถุงเตรียมส่งขาย ต้นละ 100-150 บาท  ซึ่งการเสียบยอดวิธีนี้  เมื่อนำไปปลูกลงดิน อัตราการรอดเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จะทำให้ต้นพืชกระท่อมโตเร็ว เพราะต้นตอจากกระท่อมขี้หมูจะหาอาหารเก่ง แข็งแรงทนทานต่อทุกสภาพภูมิอากาศ ที่สำคัญเมื่อ เสียบยอด ต้นกระท่อมขี้หมูใช้เวลา 3 - 6 เดือน พืชกระท่อมจะออกใบสามารถนำมาบริโภคหรือจำหน่ายได้ทันที ต่างจากการปลูกพืชกระท่อมแบบเพาะเมล็ดที่จะต้องใช้ระยะเวลากว่า 3 ปี จึงจะเก็บใบบริโภคได้ เนื่องจากใบที่ออกมาจะอ่อน เมือก เหม็นเขียวและรสขมจึงไม่นิยมบริโภค  

 

นางจำปี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ทดลองนำเมล็ดกระท่อมมาเพาะชำแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจาก อัตราการการรอดน้อย ต้นที่งอก ไม่แข็งแรง โตช้า  จึงหันมา ใช้ต้นตอพันธุ์กระท่อมขี้หมูแทน ทำให้ต้นกล้าที่ได้ มีการรอดสูง ขณะนี้ ขายทาง ซ็อบปี้และขายที่บ้าน มีลูกค้าสั่งซื้อมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ผลิตไม่ทัน สร้างรายได้ ให้อย่างดี เกือบ 1 แสนบาท ต่อเดือนในขณะนี้  แต่กังวลว่า หลังจากนี้ ต้นตอ พันธุ์กระท่อมขี้หมู ตามธรรมชาติจะหายาก เนื่องจากมีการขุดมาทำเป็นต้นพันธ์กันจำนวนมาก