เมื่อวันที่ 27 พ.ย.64 ทีมเฉพาะกิจจิตอาสา 904 กองพันทหารช่างที่ 52 กรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ นำกำลังพร้อมชาวบ้านหลายสิบคน ลงพื้นที่ตรงป่าอ้อยบริเวณใกล้ๆสะพานข้ามคลองชลประทาน แยกโรงนมหนองตาล หมู่ 9 ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อค้นหาร่างของ นายวัชรพงศ์  ท่าผา หรือน้องแทน อายุ19 ปี ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลัง นายโต้ย ท่าผา อายุ 70 ปี คุณตา  ได้ขอให้ช่วยค้นหาเกรงจะเกิดอันตราย

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเย็น วันที่ 24 พ.ย.64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรับใหญ่ และมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี ได้รับแจ้งพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ฟิน สีน้ำเงินดำ ทะเบียน 1 กต 1194 นครปฐม ล้มอยู่บริเวณใกล้กับคอสะพานโรงนมหนองตาล ในลักษณะเครื่องยนต์ยังติดอยู่ รวมถึงพบ กระเป๋าสตางค์ รองเท้าแตะ และหมวกตกอยู่ แต่ไม่พบคนขับขี่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าจะตกลงไปในคลองชลประทาน จึงใช้ชุดค้นหาผู้สูญหายใต้น้ำแต่ก็ไม่พบร่าง

นายไพรัช โพธิ์ชื่น อาสาทีมค้นหาผู้สูญหายใต้น้ำมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี กล่าวว่า ทางญาติสงสัยว่าอาจจะจมน้ำ เนื่องจากเป็นพื้นที่รอยต่อ 2 จังหวัดคือ จ.ราชบุรี และ จ.นครปฐม ทีมค้นหาผู้สูญหายใต้น้ำมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี และมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม จึงได้ร่วมกันออกค้นหาผู้สูญหายใต้น้ำเป็นระยะทางรวมกว่า 7 กิโลเมตร ความลึกอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร ใช้เวลารวมในการค้นหาเกือบ 4 วัน เนื่องจากตลอด 2 ฝั่งคลอง มีหญ้ารกปกคลุม จึงทำให้ยากแก่การค้นหา แต่ก็ไม่พบร่างของผู้สูญหาย ลักษณะการล้มลงของรถจักรยานยนต์ ที่ไม่พบร่องรอยของการถูกเฉียวชน และล้มอยู่ห่างจากขอบตลิ่งถึง 2 เมตร ยากที่จะทำให้เชื่อได้ว่าร่าง จะกระเด็นตกคลอง หรือหากเกิดเหตุร้ายจริง ด้วยรูปร่าง และความแรงของกระแสน้ำ ก็ไม่น่าจะเกิน 2 วัน ร่างของผู้สูญหายก็จะต้องลอยขึ้นเหนือน้ำแล้ว นอกจากนั้นก่อนเกิดเหตุยังมีชาวบ้านพบเห็น น้องแทน ยืนคุยโทรศัพท์อยู่บริเวณดังกล่าว

ด้าน น.ส.ณภัทร ท่าผา ป้าของน้องแทน เปิดเผยว่า น้องแทน พักอาศัยอยู่กับ นายโต้ย ท่าผา ซึ่งเป็นคุณตา ที่ผ่านมาน้องแทนเป็นเด็กดี เป็นที่รักของชาวบ้านและคุณครูที่โรงเรียน อีกทั้งยังเรียนเก่ง แต่มีนิสัยชอบเก็บตัว ไม่เคยพูด หรือร้องขอ หรือแสดงออกว่ามีปัญหาอะไร ช่วยเหลือตัวเองด้วยการทำงานพิเศษมาตั้งแต่เด็ก กระทั่งเมื่อน้องเรียนจบ ได้มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เนื่องจากในช่วงที่ยังชั้นมัธยมปลายเคยมีโอกาสทำหนังสั้นประชาสัมพันธ์ให้กับโรงเรียน จึงกลายเป็นแรงผลักดัน ให้น้องเลือกเข้าศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ต่อมา ช่วงต้นปี 2564 น้องแทนเคยมาขอเงิน จำนวน 40,000 บาท กับตนเพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายแลกเข้าของมหาวิทยาลัย ทว่าในช่วงนั้นกำลังประสบปัญหาเรื่องงานและเงิน จากสถานการณ์โควิด อีกทั้งยังภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่สูง ทำให้ไม่สามารถหาเงินมาให้น้องแทนได้ทันภายใน 10 วัน  จากนั้นตนก็ไม่ได้คุยปัญหาเรื่องเงินกับหลานอีก แต่ก็ยังติดต่อโทรศัพท์ หรือคุยผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ เป็นปกติ กระทั่ง 2-3 เดือน ก่อนเกิดเหตุ น้องแทนขาดการติดต่อ โทรหาไม่รับ ทักไลน์ไม่ตอบ ก่อนที่จะทราบข่าวว่าน้องแทนหายตัวไป และยังมาทราบข่าวหลังเกิดเหตุอีกทีว่า น้องแทนโทรศัพท์ไปติดต่อขอยืมเงินเพื่อนๆ ไปใช้จ่ายค่าเล่าเรียนจำนวน 10,000 บาท

น.ส.ณภัทร ท่าผา กล่าวต่อว่า “หากน้องแทนยังมีชีวิตอยู่ ขอให้กลับมา หรือติดต่อมาก็ได้ เพื่อให้รู้ว่ายังมีลมหายใจ ทุกวันนี้คุณตากินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดถึงหลานมาก รวมไปถึงชาวบ้านและเจ้าหน้าที่  ต้องมาเสี่ยงภัยช่วยกันออกตามหาด้วยความห่วงใย ไม่ต้องกลัวว่าทุกคนจะโกธร ทุกคนรักและพร้อมที่จะช่วยน้องแทนเสมอ แต่หากว่าน้องแทนเสียชีวิตไปแล้ว ก็ขอให้เจอร่างน้องในเร็ววัน”