เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาวันนี้ (27 ม.ค. 65) ชาวบ้าน พบช้างป่าขนาดใหญ่ เดินหากินอยู่ในสวนของชาวบ้าน ซึ่งเป็นสวนมะพร้าวน้ำหอม /สวนกล้วยและผลไม้อื่นๆในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลชลคราม อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ โดรน บินสำรวจภาพมุมสูง จึงพบว่าช้างกำลังเดินหาอาหารกินอยู่อย่างสบายใจกลางสวนของชาวบ้าน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ โดยหลังจากเจ้าหน้าที่เดินเท้าเข้าไปในป่าประกอบกับมีสุนัขคอยตามเห่าทำให้ช้างเกิดอาการหงุดหงิด วิ่งไล่เจ้าหน้าที่จนต้องหนีกันไปคนละทิศคนละทาง

โดยทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น เปิดเผยว่าช้างตัวดังกล่าวชื่อ “พี่โทน”เป็นช้างป่าที่อาศัยอยู่ ในอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีอายุมากกว่า 20 ปีและน้ำหนักตัวกว่า 4 ตัน คาดว่าน่าจะหนีออกมาจากป่าพร้อมกับโขลงอีก 3 ตัวตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา แต่อีก 2 ตัวเจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้ช่วยกันต้อนกลับไปแล้วซึ่งเพิ่งมาทราบว่าตัวนี้ได้มาไกลกว่า 50 กิโลเมตรและได้เดินข้ามถนน 4 เลนส์มาก็ไม่มั่นใจว่าข้ามมาตั้งแต่เมื่อไหร่จึงไม่มีใครพบเห็น
 

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม อบต.ชลคราม อ.ดอนสัก นายวิชัย สมรูป ผอ.สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4/ นายวิฑูรย์ เดชประมวลพล ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า  4(สบอ.4) นายสัตวแพทย์ ปิยะ เสรีรักษ์ / นายธนู มีสิทธิ รองนายก อบต.ชลคราม พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชุมหาวิธีผลักดันช้างกลับคืนถิ่น เนื่องจากขณะนี้ช้างได้ทำลายพืชผลทางการเกษตรเป็นบริเวณกว้าง และชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว แต่ยังโชคดีในพื้นที่มีบ้านเรือนประชาชนอาศัยอยู่จำนวนน้อยส่วนใหญ่เป็นพื้นสวนปาล์ม/สวนมะพร้าวของของบริษัท

นายวิชัย สมรูป ผอ.สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 กล่าวว่า ได้รับรายงานจากชาวบ้าน ใน ต.ดอนสักที่ทำสวนปาล์ม ว่ามีช้างป่าเข้ามาอยู่บริเวณท้ายสวนปาล์มรอยต่อกับป่าชายเลน เขต ต.ชัยครามกับรอยต่อตำบลคราม อ.ดอนสักซึ่งไม่ทราบว่ามาจากแหล่งไหน และขณะนี้ได้รับคำสั่งจากนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี ให้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพื่อหาทางเคลื่อนย้ายหรือผลักดันช้างให้ไปอยู่ในที่เหมาะเช่นอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นหรืออุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด จ.นครศรีธรรมราช ต้องใช้ความพยามยามเพราะช้างตัวสุดท้ายที่ติดอยู่ในขณะนี้ห่างจากอุทยานแห่งชาติทั้ง 2 แห่งประมาณ 50 กม.ซึ่งกำลังเป็นปริศนาว่าช้างมาได้อย่างไร โดยการประชุมในวันนี้มีทั้งสัตวแพทย์/ ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า/กำนันในพื้นที่ และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นซึ่งเป็นพื้นที่มีช้างมากที่สุด โดยตอนนี้ยังเป็นปริศนาว่าอุทยานทั้ง 2 แห่งห่างไกลมากและช้างมาได้อย่างไร

ขณะที่นายสัตวแพทย์ ปิยะ เสรีรักษ์ สัตวแพทย์ประจำสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 กล่าวว่า อุปสรรคในการเคลื่อนย้ายช้างเนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าชายเลน จะต้องผลักดันช้างให้มาอยู่ในพื้นที่โล่งและเป็นดินแข็ง เนื่องจากว่าจะต้องใช้รถ 6 ล้อเข้ามาเทียบ เนื่องจากเมื่อยิงยาสลบไปที่ขาช้างแล้ว ช้างจะไม่สลบต้องใช้คนใช้เชือกล่ามขาให้ก้าวมาทีละก้าว ซึ่งถ้ารถอยู่ไกลและโอกาสที่ช้างจะฟื้นและต้องเพิ่มยาเป็นไปได้สูง อาจเป็นอันตรายกับตัวช้างได้และตอนนี้ช้างไม่น่าจะเป็นอันตรายกับคนเพราะไม่เคยมีประวัติทำร้ายคนมาก่อนและไม่โดนไล่จากการใช้ลูกบอลหรือจุดปะทัดมาก่อนด้วย.