ภูมิภาค
กราบไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ "สมเด็จพระพิชิตมารมัธยมพุทธกาล" ที่วัดป่าภูปัง จ.อุบลฯ
วันพฤหัสบดี ที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2565, 11.00 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

วัดป่าภูปัง ตั้งอยู่ที่บ้านพะเนียด หมู่ที่ 10 ต.หนามแท่ง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี โดยมีพระครูวิมลปัทมนันท์(พระครูเบส) เป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ซึ่งวัดป่าภูปังแห่งนี้โด่งดังในเรื่องของ องค์พญานาคเรืองแสง หนึ่งเดียวในประเทศไทย มีพระพุทธมหาจักรพรรดิ (พระประธานปางมหาจักรพรรดิทรงเครื่อง) ที่สวยที่สุดในจังหวัดอุบลราชธานี และยังมีสิ่งก่อสร้างและพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ สวยงาม ควรค่าแก่การเที่ยวชมและกราบไหว้อีกมากมายอยู่ภายในวัด อาทิเช่น หลวงพ่อองค์ดำ , เจดีย์พุทธคยาจำลอง ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ด้านใน ,โบสถ์ที่สวยงาม , วิหารสมเด็จองค์ปฐม , พระอังคีรสอุดมมงคล ซึ่งเป็นพระใหญ่สูงตระหง่าน งดงามยิ่งนัก นอกจากนี้ วัดป่าภูปังยังเป็นแหล่งธุดงค์สถานของ องค์หลวงปู่มั่นภูริทัตโต อีกด้วย
ณ โอกาสนี้ ผู้สื่อข่าวของเรา ขอนำเสนอ เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ “สมเด็จพระพิชิตมารมัธยมพุทธกาล” หรือ ที่เรียกกันว่า “หลวงพ่อพิชิตมารมัธยมพุทธกาล” ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ศาลา อเนกประสงค์ชั้นที่สามภายในวัดป่าภูปัง ควรค่าแก่การกราบไหว้ยิ่งนัก และการนำเสนอในครั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์ข้อมูลจากพระครูวิมลปัทมนันท์(พระครูเบส) เจ้าอาวาสวัดป่าภูปัง รูปปัจจุบัน / กราบขอบพระคุณพระคุณเจ้าพระครูวิมลปัทมนันท์(พระครูเบส) มา ณ โอกาสนี้
.jpg)
พระครูวิมลปัทมนันท์ เจ้าอาวาสวัดป่าภูปัง ได้เล่าประวัติความเป็นมาของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ทรงมีพระนามว่า “สมเด็จพระพิชิตมารมัธยมพุทธกาล” หรือ “หลวงพ่อพิชิตมารมัธยมพุทธกาล” ว่า โดยการนำของพระเทพมงคลญาณ วิ (สนธิ์ อนาลโย) เจ้าอาวาสวัดพุทธบูชา กรุงเทพฯ อันมีเรื่องราวลี้ลับแปลกมหัศจรรย์สืบเนื่องมาจากวัดบรมนิวาสฯ กรุงเทพฯ วัดบรมนิวาส ราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร นิกายธรรมยุต เดิมชื่อว่า "วัดบรมสุข" ชาวบ้านเรียกกันว่า "วัดนอก" เนื่องจากตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง มีผู้สร้างถวายพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังทรงผนวช ต่อมาเมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติได้บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอารามโดยมีพระราชประสงค์เพื่อให้เป็นวัดธรรมยุตฝ่ายอรัญวาสี คู่กับวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งเป็นวัดธรรมยุตฝ่ายคามวาสี และพระราชทานนามว่า “วัดบรมนิวาส” ในสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) ได้บูรณปฏิสังขรณ์อีกครั้งหนึ่ง โดยทุนทรัพย์ของเจ้าจอมมารดาทับทิม พร้อมทั้งพระประยูรญาติของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ต่อมา พ.ศ. 2454 เจ้าจอมมารดาเลื่อน ในรัชกาลที่ 5 สร้างศาลาธรรมสวนะชื่อศาลาอุรุพงษ์ ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ฯได้ชลอพระเก่าจากโบสถ์วัดหลุมดิน เมืองราชบุรีมาทำเป็นพระประธาน อันโบสถ์วัดหลุมดินนั้นชำรุดหมดแล้ว ตัวพระประธานเองซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลาแลง ก็หักพังตกลงมาข้างล่าง ชำรุดหมดทั้งองค์ คงได้ก็แต่พระเศียรเท่านั้น วิธีการอัญเชิญมากรุงเทพฯ คือจ้างเจ๊กล่องถ่าน บรรทุกเข้ามาให้ พอถึงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2455 ปีชวด ก็ยกพระขึ้นแท่น ลำดับให้เป็นองค์โดยใช้ปูนซีเมนต์เป็นตัวประสาน ฉาบแล้วลงรักปิดทอง เร่งรีบจะให้เสร็จทันสมโภชฉลองในวันวิสาขบูชา เผอิญวันวิสาขบูชาตกในเดือน 7 จึงแล้วเสร็จทันตามประสงค์ ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ถวายพระนามว่า "พระพิชิตมารมัธยมพุทธกาล" ในระหว่างสมโภช เกิดปาฏิหาริย์ปรากฏแก่ประชาชนเป็นอันมาก คือขณะพระกำลังยืนสวดปฏิจจสมุปบาท เวลาสรงน้ำอบน้ำหอม มีแสงพระรัศมีช่วงโชติขึ้นในศาลาเป็นสายคล้ายสายฟ้าแลบ ทำให้เกิดความปีติแก่ประชาชน ถือเป็นการอัศจรรย์ และนับตั้งแต่นั้น ก็น่าแปลกที่กิจการของวัดมีแต่เจริญยิ่งขึ้นทุกด้าน ทำอะไรก็สำเร็จสมประสงค์เรื่อยมา
.jpg)
ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย สมัยที่ยังจำพรรษาอยู่ที่วัดบรมนิวาสฯ ได้เกิดนิมิตว่าได้เดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ จนไปเห็นภูเขาลูกหนึ่งซึ่งมีธรรมชาติที่งดงามมาก จึงได้ยืนพิจารณาภูเขาลูกนั้นแล้วคิดว่า ภูเขาลูกนี้น่าจะเป็นสถานที่บำเพ็ญภาวนาได้ดีอีกแห่งหนึ่ง ขณะที่พิจารณาอยู่นั้น ได้มีราชรถลอยมา รับหลวงพ่อขึ้นไปบนยอดเขา ปรากฏว่าบนยอดเขาเกิดแสงสว่างไปทั่วบริเวณ มีผู้คนมากมายแต่งกายด้วยชุดสีขาว มาคอยต้อนรับหลวงพ่อ ด้วยความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อหลวงพ่อรู้สึกตัวขึ้น จึงได้ทบทวนถึงนิมิตนั้นอยู่นานจนมั่นใจว่า ภูเขาลักษณะนี้น่าจะมีอยู่จริง
จนกระทั่งวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2535 หลวงพ่อได้นำคณะญาติโยมจากกรุงเทพฯ เดินทางไปกราบครูบาอาจารย์ทางภาคอีสานและได้พบกับพระอาจารย์บุญชวน เจ้าอาวาสวัดป่าวังน้ำทิพย์ จ.ยโสธร อาจารย์ชวนกราบเรียนหลวงพ่อว่า "ภูเขาที่หลวงพ่อนิมิตเห็นนั้นลักษณะคล้ายๆภูปัง" หลวงพ่อจึงบอกให้อาจารย์ชวนนำทางไปยัง “ภูปัง” พอรถวิ่งมาถึงจุดที่พอจะมองเห็นเทือกเขาได้แต่ไกล หลวงพ่อเกิดความรู้สึกมั่นใจว่าต้องใช่ภูเขาลูกนี้อย่างแน่นอน เพราะมีลักษณะรูปทรงคล้ายช้างหมอบเหมือนในนิมิต จนเมื่อรถมาถึงที่ภูปังแล้วหลวงพ่อจึงชวนคณะญาติโยมเดินขึ้นไปดูบนยอดภูว่าจะตรงกับนิมิตหรือไม่ พอขึ้นไปถึงข้างบน ทันใดนั้นได้เกิดฝนตกลงมา ทั้งๆ ที่ไม่มีท่าทีมาก่อน ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจ บางคนก็บอกว่าเทวดาท่านรับรู้ถึงการมาของหลวงพ่อแล้ว แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือ ลักษณะภูมิประเทศบนยอดภูแห่งนี้ตรงกับนิมิตของหลวงพ่อทุกประการ
.jpg)
จากนั้นมา หากหลวงพ่อมีเวลาก็จะถือโอกาสมาวิเวกที่ภูปังอยู่เสมอ ชาวบ้านจึงได้มาเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับภูปังให้ฟัง รวมทั้งเหตุการณ์แปลกประหลาด ความน่าอัศจรรย์ที่หาคำตอบไม่ได้ เช่น เคยมีพระธุดงค์มาพำนักที่นี่หลายรูป แต่ไม่มีพระรูปไหนอยู่ได้นาน บางรูปถึงกับจะสร้างสำนักสงฆ์มาแล้วแต่ไม่เคยสำเร็จ เพราะเกิดอุปสรรคต่างๆ นานาขึ้นเสียก่อน บางรูปก็กลับไปเสียเฉยๆ แม้ชาวบ้านจะนิมนต์ให้อยู่ต่อก็ตาม ครั้งสุดท้ายคือเกิดไฟไหม้ที่พักสงฆ์ก่อนหลวงพ่อจะเดินทางมาถึงภูปังเพียงไม่กี่วัน พอหลวงพ่อถามชาวบ้านกลับไปว่า “อยากได้วัดกันหรือไม่” ชาวบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้มีวัด จะได้ไม่ต้องไปทำบุญทีวัดอื่นซึ่งอยู่ห่างไกล เพราะว่าการเดินทางยากลำบาก และหลวงพ่อยังถามต่อว่า “มีแต่อุปกรณ์ให้นะ ไม่มีค่าแรง จะพากันทำได้ไหม” นายเส็ง ดรุณพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านสมัยนั้น ได้รับปากหลวงพ่ออย่างหนักแน่นว่า “จะพาชาวบ้านมาทำ ขอให้มีวัสดุก็พอครับ”
เมื่อหลวงพ่อได้มาเห็นและตั้งใจจะสร้างวัดขึ้นที่ภูปัง ท่านจึงไปกราบหลวงปู่ไท ฐานุตฺตโม วันเขาพุนก จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นศิษย์และเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านเป็นพระผู้มีฌานสมาธิแก่กล้ามาก หยั่งรู้เรื่องราวทั้งอดีตและอนาคต หลวงพ่อได้เล่าไว้ว่า “ตอนไปกราบพระอาจารย์ไท ได้ถามท่านว่า หากจะทำการอย่างหนึ่ง (ในใจขณะนั้นคิดถึงการสร้างวัดที่ภูปัง) จะทำได้หรือไม่? พระอาจารย์ไทนั่งหลับตาอยู่สักครู่ แล้วลืมตาขึ้นมาบอกว่า ท่านสนธิ์สร้างได้ แต่คนอื่นทำไม่ได้นะ ไม่มีใครทำได้” และท่านก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ท่านสนธิ์ที่นั่นมีฤาษีนเรศ อายุ 400 กว่าปี บำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่บนเขาด้วย” พระอาจารย์ไทพูดขึ้นโดยที่หลวงพ่อไม่ได้บอกว่าจะทำอะไร ทำที่ไหน เลยนึกถึงเรื่องที่ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า เคยมีพระหลายรูปมาสร้างวัดที่ภูปังแต่สร้างไม่ได้ เมื่ออาจารย์ไทท่านพูดเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะท่านเป็นพระนักปฏิบัติที่ดีมาก.” นับแต่นั้น หลวงพ่อจึงได้ชักชวนผู้มีศรัทธา คณะญาติโยม และคณะศิษยานุศิษย์มาร่วมกันพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้เป็น “วัดป่าภูปัง” โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 เรื่อยมา
.jpg)
จวบจนถึง ปี พ.ศ. 2541 หลวงพ่อได้ทำการก่อสร้างศาลาอเนกประสงค์ 3 ชั้น จวนใกล้แล้วเสร็จ หลวงพ่อได้ดำริให้สร้างพระพุทธพิชิตมารมัธยมพุทธกาล ขนาดหน้าตักกว้าง 80 นิ้ว เพื่อเป็นพระประธานที่ศาลาในชั้นที่ 3 และเพื่อเป็นการฉลองครบ 85 ปี นับจากวันที่ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ได้อัญเชิญพระพุทธพิชิตมาร มาประดิษฐานที่วัดบรมนิวาสฯด้วย โดยจำลองแบบจากพระพุทธพิชิตมารมัธยมพุทธกาลซึ่งประดิษฐานในศาลาอุรุพงษ์ วัดบรมนิวาสฯ โดยให้คุณสุพจน์ เตชะอำนวยวิทย์ ได้ทำการบันทึกรายละเอียดทุกส่วนของพระพุทธรูป เพื่อให้ช่างปั้นสำหรับปั้นแบบ การปั้นแบบนั้น หลวงพ่อได้ควบคุมดูแลการปั้นอย่างสม่ำเสมอและสั่งให้ช่างปั้นแก้ไขอยู่หลายครั้ง เพื่อให้ได้พระพุทธพิชิตมารฯ จำลองอย่างใกล้เคียงของจริงมากที่สุด และได้นิมนต์หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเททองหล่อ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต จ.หนองคาย เป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์ ซึ่งได้เกิดเหตุมหัศจรรย์ คือมีฝนตกโปรยปรายลงมากลางพิธีอย่างไม่มีท่าทีมาก่อน
หลังการหล่อพระพุทธพิชิตมารมัธยมพุทธกาลจำลองและปิดทองสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ทางโรงหล่อได้อัญเชิญองค์พระไปยังวัดป่าภูปัง ก่อนที่หลวงพ่อสนธิ์จะไปถึง และได้ว่าจ้างรถแบคโฮ ยกองค์พระพุทธรูปขึ้นบนศาลาชั้น 3 แต่เนื่องจากพระพุทธรูปหนักถึง 2 ตัน หลายคนเกรงว่าจะยกลำบาก อาจทำให้องค์พระเสียหายได้แต่คนขับรถแบคโฮ กลับปรามาสว่ายกง่ายๆ เพราะเคยยกมาหลายครั้งไม่เคยมีปัญหา จึงทำการยกองค์พระทันที แต่ทันใดนั้น "รถกลับเสียเอาเฉยๆอย่างไม่ทราบสาเหตุ" ไม่สามารถที่จะยกองค์พระได้ต้องรอหลวงพ่อสนธิ์มาถึงในวันต่อมา โดยเจ้าของรถแบคโฮ ต้องเอารถคันใหม่มาเปลี่ยน แล้วหลวงพ่อได้ทำพิธีก่อนจึงสามารถอัญเชิญพระพุทธพิชิตมารขึ้นประดิษฐานบนชั้นสามของศาลาได้อย่างสะดวกโดยสวัสดี
.jpg)
หลังจากหลวงพ่อเดินทางกลับวัดบรมนิวาสฯ ได้ไม่นานปรากฎว่า มีตายายสองคนเดินทางมาพบหลวงพ่อที่กุฏิผ่องดำรงค์ โดยแจ้งว่า หลวงตาจันทร์ที่อยู่ที่วัดนี้ได้มาเข้าฝัน ให้มาแจ้งกับหลวงพ่อว่า จะไม่อยู่วัดบรมนิวาสฯแล้ว จะไปอยู่วัดป่าภูปัง จ.อุบลราชธานี หลวงพ่อจึงได้พาตายายไปดูรูปหล่อพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันฺโท) ซึ่งตายายทั้งสองบอกว่า ท่านคือหลวงตาจันทร์ที่มาเข้าฝัน
หลังจากนั้นไม่นาน ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่ศาลาอุรุพงษ์ เป็นเหตุให้พระพุทธพิชิตมารมัธยมพุทธกาล ซึ่งทำด้วยปูนปั้นเสียหายและเนื่องจากพระพุทธพิชิตมารมัธยมพุทธกาลนี้ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ อยู่ในการดูแลของกรมศิลปากร ความเสียหายนั้นยังความเสียใจแก่ลูกศิษย์ทั้งพระและฆราวาสของวัดบรมนิวาสฯ อย่างไรก็ตามยังดีมีรูปภาพรายละเอียดของพระพุทธพิชิตมารมัธยมพุทธกาลที่คุณสุพจน์ถ่ายได้ ไว้เพื่อสร้างองค์จำลอง จึงได้มอบรูปภาพรายละเอียดทั้งสิ้นให้แก่ทางวัด เพื่อส่งให้กับทางกรมศิลปากร เพื่อใช้เป็นแบบในการบูรณะต่อไป
นับว่าน่าอัศจรรย์มากที่ตายายฝันว่า หลวงตาจันทร์ สั่งให้มาบอกหลวงพ่อสนธิ์ให้รู้ล่วงหน้าว่าท่านจะไม่อยู่แล้ว และจะไปอยู่วัดป่าภูปังเหมือนกับจะมาบอกว่า มีพระพุทธพิชิตมารมัธยมพุทธกาลองค์จำลองเกิดขึ้นแล้ว ไม่น่าเป็นห่วงอะไรอีก แม้จะเกิดไฟไหม้เสียหายก็ตาม เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์แปลกจริงๆ
และในปี พ.ศ.2542 ทางวัดป่าภูปัง ได้กราบนิมนต์ หลวงปู่บุญมี โชติปาโล วัดสระประสานสุข จ.อุบลราชธานี เพื่อร่วมพิธีสมโภชพระพุทธพิชิตมารฯและฉลองศาลา ขณะนั้นท่านมีอายุ 92 ปี จึงไม่ค่อยรับนิมนต์เพราะอายุมากแล้ว แต่ท่านก็เมตตามาและได้เมตตาเทศนาธรรมเรื่อง ภูเขา-ภูเรา ให้ฟัง เป็นธรรมะเปรียบเปรยว่า ไปดูทำไมภูเขา ทำไมไม่ดูที่ภูเรา(ตัวเรา)ว่ามีอะไรบ้าง? แล้วท่านก็พูดถึงเรื่องราวของภูปังไว้ว่า หลวงปู่เคยมาปฏิบัติธรรมที่ภูปังเมื่อตอนเป็นสามเณร ได้ติดตามอุปัฏฐาก "ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์" กับ "หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต" ออกธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ จนได้มาปฏิบัติบำเพ็ญเพียรที่เขาภูปัง นี้คืออีกหนึ่งคำบอกเล่าของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เป็นดังประวัติศาสตร์อันสำคัญถึงความผูกพันธ์เกี่ยวเนื่องกับท่านเจ้าคุณอุบาลีคุนูปมาจารย์(จันทร์ สิริจันฺโท)และหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตกับวัดป่าภูปัง จ.อุบลราชธานี จนมาถึงปัจจุบัน
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » ภูมิภาค
Top 5 ข่าวภูมิภาค
![]()
- ผวจ.นครศรีธรรมราช ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการขยะในพื้นที่อำเภอชะอวด 15 พ.ค. 2568
- ชาวบ้านค้านไม่เอาฝายงบ 50 ล้าน เสี่ยงสวนทุเรียนเสียหายนับหมื่นไร่ เคยสร้างแล้วล้มเหลวใช้งานไม่ได้ไร้ประโยชน์ 15 พ.ค. 2568
- "อัยการสูงสุด" ประธานเปิดอาคารสำนักงานอัยการภาค 4 ขอนแก่น 15 พ.ค. 2568
- "กรมการท่องเที่ยว" ติวเข้มผู้ประกอบการผลักดันประจวบฯ สู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก 15 พ.ค. 2568
- สลด! สาวท้องแก่ถูกฟ้าผ่าดับพร้อมเพื่อน 3 ศพ 15 พ.ค. 2568
ข่าวในหมวดภูมิภาค
![]()
รถขนทรายลืมยกดั้มลงเกี่ยวเสาไฟหักโค่นประกายไฟไหม้หญ้า 20:46 น.
- ตร.ศรีมหาโพธิเข้ม! ปล่อยแถวสกัดทุจริตเลือกตั้ง 14 เทศบาลปราจีนฯ 20:34 น.
- ปทุมธานี เปิดเส้นทางการท่องเที่ยว คลองหมายเลข 3 ผลักดันชุมชนสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 20:25 น.
- “ปธ.สหกรณ์ครูขอนแก่น” แจงคดีเรียกคืนทรัพย์หลายสิบล้าน 19:57 น.
- โค้งสุดท้าย! ร้านขายชุดนักเรียนยอดขายตกฮวบ! งัดโปรเด็ดลดราคาพร้อมปักฟรี 19:15 น.