วันเสาร์ ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 13:58 น.

ภูมิภาค

ภูเก็ตแจงปมเด็กวัย 12 ปี ตาบอดหลังฉีดวัคซีนโควิด

วันจันทร์ ที่ 09 พฤษภาคม พ.ศ. 2565, 16.16 น.
กรณีที่ มีการนำเสนอข่าว กรณี ผู้ปกครอง เด็กอายุ 12 ปี ร้องเรียนว่าหลานชายได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ จนทำให้ตาบอดไม่สามารถมองเห็นและกลับไปเรียนหนังสือได้นั้น วันนี้(วันที่ 9 พ.ค. 2565) ที่ห้องประชุมมุขหน้าชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต  นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง  เพื่อติดตามข้อเท็จจริง จากนั้นนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  พร้อมด้วย นายแพทย์วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต คณะแพทย์โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายอำเภอ    พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงประเด็นดังกล่าว
 
นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตได้รับทราบข้อมูลและได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้การช่วยเหลือและดูแลเด็กและครอบครัวอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด  และขณะนี้ทางจังหวัดรวมทั้งคณะแพทย์กำลังประสานงานกับโรงพยาบาลศิริราชเพื่อนำตัวน้องไปรักษาตัวและจะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่
 
ด้านแพทย์หญิงณัฐวรรณ  เทพณรงค์ นายแพทย์ชำนาญการ  กุมารเวชศาสตร์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต  รายงานข้อมูล ว่า  เด็กชายนนทพัท (ขอสงวนนามสกุล)อายุ 12 ปี มีประวัติการฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 ( 10 วันก่อนมาโรงพยาบาล)  ข้อมูลการรักษา ที่ รพ.วชิระภูเก็ต  เข้ารับการรักษาวันที่ 6 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 10 มกราคม 2565คณะแพทย์ได้ทำการรักษาและร่วมทำการวินิจฉัยโรค มีรายละเอียดดังนี้  เป็นอาการของโรค ไซนัสอักเสบฉับพลันทุกไซนัส (Acute pansinusitis) จากเชื้อแบคทีเรีย สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus)  บริเวณเบ้าตาอักเสบและมีฝีหนองในเบ้าตาด้านขวา (Orbital cellulitis with retrobulbar abscess right eye) จากเชื้อแบคทีเรีย สแตปฟีโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus)  มีอาการ เยื่อหุ้มสมอง และเนื้อสมองอักเสบ (Meningoencephalitis) จากเชื้อแบคทีเรีย สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus)  พบกระดูกรอบ ๆ โพรงไซนัส และกระดูกรอบเบ้าตาอักเสบ (Osteomyelitis of orbital bone) และ ภาวะอุดตันของแอ่งเลือดดำบริเวณฐานกะโหลก (Cavernous sinus thrombosis)
     
สำหรับการรักษาที่ รพ.วชิระภูเก็ต ระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 10 มกราคม 2565 แพทย์ได้ให้การรักษา ดังนี้คือ ให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียทางหลอดเลือดดำที่ครอบกลุ่มเชื้อสแตปฟิ โลคอกศัส ออเรียส ร่วมกับยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดหยอดตาและให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดรับประทานต่อที่บ้านและการรักษา โดยวิธีผ่าตัดFfpwfh ผ่าตัดไซนัส โดยวิธีการส่องกล้อง วันที่ 7 ธันวาคม 2564c]tผ่าตัดเพื่อระบายหนองในเบ้าตา วันที่ 10 ธันวาคม 2564และผ่าตัดไซนัส โดยวิธีการส่องกล้องครั้งที่ 2 วันที่ 7 มกราคม 2565 เพื่อติดตามอาการ และตัดพังผืดในโพรงไซนัส และ ให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ตามมาตรฐานการรักษาภาวะอุดตันของแอ่งเลือดดำบริเวณฐานกะโหลกและ ติดตามอาการอย่างใกล้ชิดในหอผู้ป่วยหนักกุมารเวชกรรม เมื่ออาการคงที่แล้ว จึงย้ายมาหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม
 
ด้านนายแพทย์คงกฤช กาญจนไพศิษฐ์  แพทย์ หู คอ จมูก โรงพยาบาล วชิระภูเก็ต  กล่าวยืนยันว่า  สาเหตุที่ทำให้เด้กอายุ  12 ปี  ตาบอด เกิดจากโรคไซนัสเฉียบพลัน โดยการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส  โดยได้ผลการยืนยันจากการตรวจของการนำเชื้อจากเบ้าตา ฐานกะโหลก  และไขสันหลังไปตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส เหมือนกัน
 
ส่วนแพทย์หญิงปรารถนา  ตุลยกนิษก์  จักษุแพทย์ กล่าวถึงแนวทางการดูแลรักษาต่อเนื่อง และการฟื้นฟู โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้  นัดติดตามตรวจตา และให้คำแนะนำแนวทางการดูแลผู้ป่วย ทั้งแก่ผู้ป่วยเองและญาติที่ดูแล   นัดทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อฝึกการเดิน การนั่ง การเคลื่อนไหว และการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆในชีวิตประจำวัน มีนัดติดตามที่คลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟู  และวางแผนส่งพบผู้เชี่ยวชาญ Low Vision clinic ที่แผนกจักษุ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติ ได้เข้าอบรม แนวทางในการดูแลตนเอง การใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ วางแผนด้านการศึกษา รวมไปถึงการงานและพื้นฐานอาชีพในอนาคต   นัดติดตามอาการทางระบบประสาท ที่คลินิกระบบประสาทเด็ก และนัดติดตามอาการเรื่องไซนัสอักเสบ ที่คลินิกหูคอจมูก  เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างดีที่สุด
 
แพทย์หญิงวิทิตา  แจ้งเอี่ยม รองผู้อำนวยการ  โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า จากการประชุมของทีมแพทย์และคณะกรรมการวินิจฉัยผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน มีข้อสรุปยืนยันตรงกันว่ากรณีของเด็กอายุ 12 ปีมีอาการตาบอดจากการติดเชื้อแบคทีเรียไม่ได้เกิดจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน ทั้งนี้การฉีดวัคซีนและการป่วยของน้องเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกันเท่านั้นไม่ได้เกิดจากการฉีดวัคซีนที่ทำให้ป่วย และในฐานะผู้บริหารจัดการการฉีดวัคซีนในภาพรวม ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า การฉีดวัคซีนอาจจะมีผลข้างเคียงบ้าง หรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง เช่น จะมีไข้อ่อนเพลีย ปวดบริเวณที่ฉีด หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้บ้าง ในส่วนของเด็กอาการที่น่าเป็นห่วงคือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โดยอุบัติการณ์ของการเกิดกล้ามเนื้ออักเสบในเด็กภายหลังการฉีดวัคซีน ของไทย เกิดน้อยกว่าต่างประเทศ โดยต่างประเทศพบ 150 คนใน 1 ล้านคน ที่ฉีดวัคซีน ส่วนในประเทศไทย พบเพียง 10 ราย จากสถิติการฉีดจำนวน 3 ล้านคน โดยทั้ง 10 รายรักษาหายเป็นปกติโอกาสนี้จึงอยากจะขอสร้างความเชื่อมั่น การได้รับวัคซีนจะก่อให้เกิดผลดี กับกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่ม 608 อยากจะให้ทุกคนมาฉีดวัคซีน จะช่วย ลดอัตราความรุนแรงของโรคโควิด19 ลดอัตราการป่วยหนักลดอัตราการนอนโรงพยาบาล ลดอัตราการเสียชีวิต ร้อยละ 98-99
 
นายแพทย์วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต  กล่าวว่า การติดเชื้อดังกล่าวเกิดจากเชื้อแบคทีเรียทำลายตามที่ทางคณะแพทย์ได้ชี้แจงแล้วไม่ได้เกิดจากวัคซีนแต่ก็ได้มีการยื่นเรื่องของเด็กคนนี้ไปที่คณะกรรมการวินิจฉัยว่ามีผลข้างเคียงจากวัคซีนหรือไม่ซึ่งต้องรอผลแต่ทางจังหวัดและคณะแพทย์ก็จะช่วยเหลือน้องอย่างต่อเนื่อง
 
นางลักษณา อิศรางกูร ณ อยุธยา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการช่วยเหลือเงินสงเคราะห์สำหรับครอบครัวที่ได้รับความลำบากและจดทะเบียนเป็นผู้พิการ เพื่อให้ได้รับเงิน 1,000 บาทต่อเดือนและจะเข้าสู่กองทุนคุ้มครองเด็กจะได้รับเงินค่าใช้จ่ายทางการศึกษาและค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลและส่งเสริมอาชีพให้แก่ผู้ปกครองในส่วนของการศึกษาจะหาสถานที่เรียนที่เหมาะสมให้ต่อไป

หน้าแรก » ภูมิภาค