วันจันทร์ ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 13:41 น.

ภูมิภาค

ทม.นครพนมจัดยิ่งใหญ่ ศึกจ้าวลำน้ำโขงชิงถ้วยพระราชทาน เชื่อมสัมพันธ์ไทย-ลาว

วันศุกร์ ที่ 07 ตุลาคม พ.ศ. 2565, 12.36 น.
วันที่ 7 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 น. บริเวณริมแม่น้ำโขง หน้าวัดพระอินทร์แปลง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม  นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองนครพนม พร้อมคณะกรรมการจัดการแข่งขันเรือยาวประเพณีเชื่อมสัมพันธ์ไทยลาว ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ถ้วยพระราชทานกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 6-9 ตุลาคม โดยมีเรือยาวนักล่าเงินรางวัลจากจังหวัดต่างๆ และเรือจากประสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ส่งเข้าชิงชัยการเป็นจ้าวแห่งลำน้ำโขงครั้งนี้ด้วย
 
โดยมี นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธาน และ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง/ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย นางสาว ศุภพานี โพธิ์สุ นายก อบจ.นครพนม พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ในการนี้ ท้าวศักดา แก้วมณีชัย รองเจ้าเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน พันโทบัวลอน อ้วนดารา รองหัวหน้ากองบัญชาการฯ นางสมฟอง มูลทะลาด รองหัวหน้าห้องการศึกษาและกีฬาเมืองท่าแขก ฯลฯ ได้นั่งเรือยนต์ข้ามแม่น้ำโขงมาเข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย
 
นายนิวัติ เจียวิริยบุญญา นายกฯเทศบาลเมืองนครพนม กล่าวว่า ประเพณีการจัดแข่งขันเรือยาวในลำน้ำโขงแห่งนี้ ได้สืบทอดกันมาแต่โบราณ เพื่อเป็นการเผยแพร่และอนุรักษ์ไว้ซึ่งเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีของคนสองฟากฝั่ง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมประเพณีการแข่งขันเรือยาวในลุ่มน้ำโขง และส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มศักยภาพในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอันงดงามของ 9 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติในจังหวัดนครพนม ซึ่งการแข่งขันชิงเป็นจ้าวลุ่มน้ำโขง แบ่งออกเป็น 4 ประเภท มีเรือเข้าร่วมชิงชัยจำนวนทั้งสิ้น 63 ลำ และมีเงินรางวัลกว่า 5 แสนบาท
 
ทั้งนี้ การประลองฝีพายแข่งเรือยาวของเทศบาลเมืองนครพนม ถือเป็นสนามที่ใหญ่สุดในภูมิภาคอีสานแห่งหนึ่ง โดยจะมีเรือส่งเข้าแข่งขันจากหลายๆจังหวัด อีกทั้งเป็นสนามที่มีทางน้ำตรงไม่คดเคี้ยว แต่ก็เป็นสนามปราบเซียนที่เหล่าฝีพายไม่สามารถกำหนดทิศทางน้ำได้ชัดเจนเหมือนสนามอื่น ถือว่าเป็นสนามที่โหดสุดในแถบลุ่มน้ำโขงเลยทีเดียว และเป็นสนามสุดท้ายของงานบุญออกพรรษา ถ้าทีมไหนแพ้หมดสิทธิ์แก้ตัว ต้องรอปีหน้าถึงมาล้างตากันอีกครั้ง
 
หลังจากเสร็จพิธีเปิด ก่อนจะเริ่มการประลองยุทธ์กัน ก็จะเป็นพิธีตีช้างน้ำนอง ซึ่งเป็นพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม่พระคงคา เทวดา พญานาคเพื่อบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองทั้งบกและในน้ำ โดยเรือแต่ละลำที่เข้าร่วมแข่งขันจะต้องนำเรือมาร่วมพิธี โดยไปรวมกัน ณ ท่าน้ำที่เป็นจุดศูนย์รวมก่อนที่จะพายเรือล่องตามลำน้ำโขง ระหว่างการพายเรือจะมีการโห่ร้อง ตีกลอง เคาะเกราะ เป็นจังหวะเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยในน่านน้ำ
 
พิธีตีช้างน้ำนองเป็นการใช้ไม้พายของลูกเรือ พายจ้ำลงไปในน้ำอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อยกไม้พายขึ้นเหนือพื้นนำจะทำให้เกิดฝอยน้ำแตกกระเซ็นขึ้นบนอากาศ  ซึ่งลักษณะเช่นนี้ในสมัยโบราณเปรียบเหมือนกับโขลงช้างที่กำลังเล่นน้ำ ทำให้น้ำบริเวณแห่งนั้นเกิดเป็นคลื่นใหญ่ ซัดเข้ากระทบฝั่งจนเกิดเสียงดัง คนโบราณจึงเปรียบลักษณะดังกล่าวว่าเป็น พิธีตีช้างน้ำนอง นับแต่นั้นเป็นต้นมาในการแข่งขันเรือประเพณีออกพรรษา จึงมีพิธีตีช้างน้ำนองขึ้นในระหว่างการจัดงานแข่งขันในลำน้ำโขง
 
การแข่งเรือยาว หรือชาวอีสานเรียกว่าส่วงเฮือ เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านาน โดยจัดขึ้นระหว่างงานบุญออกพรรษา มีความมุ่งหมายให้ชาวบ้านได้สนุกสนานร่วมกัน ก่อให้เกิดความสามัคคี ความเสียสละ และเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนชาวลาวและชาวไทย โดยเทศบาลเมืองนครพนมได้จัดขึ้นในลำน้ำโขง มีระยะทางแข่งขัน 3 กิโลเมตร มีร่องน้ำที่ไหลเชี่ยวยากลำบากมากในการแข่งขัน ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ผู้ชนะคือผู้เก่งที่สุดในแถบลุ่มน้ำโขง

หน้าแรก » ภูมิภาค