สืบเนื่อง กรณี นางวิภาพร ก้อนสินธ์ อายุประมาณ 35 ปี นักธุรกิจสาวที่มีตำแหน่งเป็นประธานบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ โดยทำเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในนครหลวงเวียงจันทร์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ถูกฆาตกรด้วยการใช้อาวุธปืนสงครามไม่ทราบชนิด ยิงเข้าที่บริเวณใบหน้า กระสุนฝังในกะโหลก 2 นัด และใบหน้ายังถูกทุบด้วยของแข็งอีกด้วย จากนั้นคนร้ายก็นำศพยัดใส่กระเป๋าเดินทางชนิดล้อลากโยนทิ้งแม่น้ำโขง กระทั่งศพลอยอืดไปติดแพเรือลาดตระเวนของกองบังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม (บก.นรข.เขตนครพนม) พื้นที่บ้านโพธิ์ทอง หมู่ 4 เขตเทศบาลตำบลธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 65 ที่ผ่านมา

 

หลังข่าวแพร่สะพัดออกไป ก็มีญาติจากเวียงจันทน์ สปป.ลาว ได้ติดต่อประสานงานมาทางตำรวจ สภ.ธาตุพนม เพราะสงสัยว่าอาจจะเป็นญาติที่สูญหายไปช่วงประมาณวันที่ 20 กันยายน 65 ที่ผ่านมา จึงเดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จ.หนองคาย เพื่อไปยังสถาบันนิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น นำผู้ที่ใกล้ชิดกับนางวิภาพรตรวจดีเอ็นเอ เพื่อเทียบเคียงกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเก็บดีเอ็นเอส่งไปตรวจที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ กทม. หากผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันตรงกัน ก็ดำเนินการส่งมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศล ในเบื้องต้นญาติได้แจ้งวัตถุประสงค์ ขอฌาปนกิจศพที่ฝั่งไทย ณ สุสานมูลนิธิการกุศลมุกดาหาร จากนั้นก็นำกระดูกกลับไปนครหลวงเวียงจันทน์บำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

 

คืบหน้าล่าสุด วันที่ 8 ตุลาคม 65 ณ อาคารพุทธรักษา โรงพยาบาลนครพนม ซึ่งเป็นห้องดับจิตที่เก็บรักษาศพของนางวิภาพรนักธุรกิจชาวลาว ได้รับการเปิดเผยจากนายประทีป พ่อค้าช้าง เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาศพฯ ว่า หลังศพชันสูตรกลับจาก รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ก็นำมาเก็บในซองห้องเย็นอาคารพุทธรักษาแห่งนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา มีหลายคนเข้ามาสอบถามอ้างเป็นคนสนิทกับทางผู้ตาย แต่ตนไม่ให้เข้าไปด้านใน เนื่องจากบุคคลเหล่านั้น ไม่มีเอกสารหลักฐานใดๆมายืนยันว่ามีความสัมพันธ์ทางญาติกับผู้ตาย อีกอย่างคนที่มาถามเป็นคนไทยไม่ใช่คนลาว ซึ่งน่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพหากินกับศพ ถึงเวลานี้เปลี่ยนหน้ามาหาตน เพื่อขอเข้าไปดูศพแล้ว 3 ครั้ง

 

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า มีญาตินางวิภาพรมาติดต่อบ้างแล้วหรือยัง นายประทีปตอบไม่เห็นมีใครมา แต่ถ้ามีเอกสารหลักฐานของทางราชการยืนยันตัวตนชัดเจน ตนก็จะเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธาตุพนม และผู้เกี่ยวข้องร่วมพิสูจน์หลักฐาน เมื่อทุกอย่างถูกต้องก็จะมอบศพให้ไปดำเนินการทางศาสนาทันที หากยังไม่มีญาติมายืนยันก็จะเก็บศพไว้อย่างนี้ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง