วันอาทิตย์ ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 09:42 น.

ภูมิภาค

วอนผู้ใจบุญให้ยืมเครื่องช่วยหายใจ ให้ลูกสาววัย 4 ขวบมารักษาบ้าน

วันจันทร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 09.21 น.

แม่วัย 22 ปี วอนผู้ใจบุญที่มีเครื่องช่วยหายใจที่เหลือเก็บ มาให้ยืมใช้กับลูกสาววัย 4 ขวบที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงระยุสุดท้าย รักษา 2 เดือนไม่ดีขึ้น หมอให้กลับบ้าน แต่ถ้าจะยื้อลูกต้องหาเครื่องช่วยหายใจเพราะโรงพยาบาลมีไม่พอ ซื้อเองต้องใช้เงินกว่า 2 แสน แต่ครอบครัวยากจน

 


วันที่ 27 พ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากเฟชบุ๊กชื่อ “Saichon Jongsamak” ว่าอยากจะให้หาผู้ใจบุญที่พอมีเครื่องช่วยหายใจเก่าเหลือใช้ มาให้ยืมใช้ให้กับลูกสาววัย 4 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Spinal Muscular Atrophy: SMA)ขั้นรุนแรง


ซึ่งจากการตรวจสอบ ผู้ร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าวคือ น.ส.สายชล จงสมัคร หรือน้ำ อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 55 ม.12 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โดย น.ส.น้ำ เล่าว่า

 


ตนได้แยกทางกับสามีเมื่อกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้น ลูกสาวคือ ด.ญ.โชติกา สงวนรัก หรือน้องเบเน่ อายุได้ประมาณ 6 เดือน ลูกสาวเริ่มมีอาการผิดปกติตอนอายุได้ 11 เดือน คือมีอาการอ่อนแร่ง ไม่ตั้งไข่เหมือนเด็กทั่วไป


ต่อมาตนได้ออกไปทำงานที่กรุงเพทฯ แล้วส่งเงินมาให้ตากับยาย ที่เลี้ยงลูกสาวเอาไว้ 2-3 เดือนจึงจะกลับมาเยี่ยมลูกสาว เมื่อลูกอายุได้ 2 ปี อาการเริ่มชัดขึ้น ลูกสาวไม่ก้าวเดิน จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ กระทั่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา เพื่อหาสาเหตุ สุดท้ายหมอระบุว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง นอนอยู่โรงพยาบาลมหาราช นานกว่า 2 เดือน แล้วกลับมาพักที่บ้าน

 


รักษาไปตามอาการ แล้วให้ตาทวดกับยายทวด เลี้ยงไว้เหมือนเดิม ส่วนตนไปทำงานที่กรุงเทพฯต่อ จนเมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา แม่ได้โทรไปบอกว่าน้องมีอาการผิดปกติอีก จึงเดินทางกลับมาพบว่า มีอาการทรุดไปเรื่อยๆ


ต่อมาต้องมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ หมอระบุว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงระยะรุนแรง เมื่อใช้เครื่องช่วยหายใจอาการต่างๆ เช่นอาการปอดที่ติดเชื้อก็จะหายไป อาการไข้ก็จะหายไป


แพทย์ระบุว่าหลังจากนี้อาจจะต้องเจาะคอเด็ก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ สุดท้ายหมอแจ้งว่าเด็กจะต้องรักษาแบบนี้ตลอดไป แต่ถ้าอยากจะให้ลูกสาวกลับไปรักษาต่อที่บ้าน จะต้องมีเครื่องช่วยหายใจ ,ไฟสำรอง ,เครื่องดูเสมหะ และออกซิเจน แต่ทั้งหมดตนไม่มีปัญญาจะหาซื้อมาได้ เพราะรวมแล้วคิดเป็นเงินกว่า 200,000 บาท

 


ตอนนี้อยากจะให้ลูกสาวกลับมารักษาที่บ้าน เพราะไม่อยากให้เป็นภาระของแพทย์ รวมถึงค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทางมาเฝ้าลูกสาวที่ต้องจ่ายทุกวันแต่ไม่ได้ทำงาน ใช้เงินคนชราของตากับยายมาเป็นค่าเดินทางทุกวัน จึงอยากจะร้องขอให้ผู้ใจบุญที่มีอุปกรณ์ดังกล่าวที่เหลือใช้เหลือเก็บ มาให้ตนยืมไปใช้ก่อนจนกว่าลูกสาวจะหมดบุญแล้วจะส่งคืนให้


ด้านนางจุรีย์ คอนรัมย์ อายุ 67 ปี ยายทวดของน้องเบเน่ เล่าว่า ทราบข่าวเรื่องหลานแล้วตกใจ สงสาร เพราะตนเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ ถ้าจะให้ไปซื้อเครื่องช่วยหายใจคงไม่มีปัญหา เพราะมีมูลค่าถึงกว่า 200,000 บาท อยากให้ผู้ที่มีกำลังมาช่วยเหลือด้านใดด้านหนึ่งเพื่อให้หลานตัวเองใช้ชีวิตอยู่ต่อให้นานที่สุด

 

 

 

หน้าแรก » ภูมิภาค