หมู่บ้านหาดทรายมูล  ตำบลห้วยไร่ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ มีประชากร ประมาณ 900 คน 150 ครัวเรือน ส่วนใหญ่ทำนาปลูกข้าว ยึดเป็นอาชีพหลัก และทุกคน ได้น้อมนำ พระราชดำริ ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปปรับใช้ในที่นา การทำงานและในชีวิตประจำวัน เป็นภูมิคุ้มกันความยากจนส่งผลให้ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ดีเด่น ทำให้คนในหมู่บ้าน อยู่เย็นเป็นสุข

นางสมัย ถามะพันธุ์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านหาดทายมูล ต.ห้วยไร่ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ เล่าว่า มีอาชีพทำนาปลูกข้าวมาตั้งแต่ปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ จากรุ่นสู่รุ่น เกิดมาลืมตาดูโลก ก็สัมผัสกับท้องนา ต้นข้าว ทุกวัน จึงมีความผูกพันธุ์กับท้องนามาก โดยเฉพาะที่หมู่บ้านหาดทรายมูล มีแหล่งน้ำธรรมชาติไหลผ่าน เรียกว่า ห้วยเซ ซึ่งมีน้ำตลอดปี ทำให้ทุกคนเมื่อว่างจากการทำนา มีงานทำ ไม่ว่างงาน ด้วยการปลูกพืชผักต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ผักซี ผักกาด ต้นหอม คะน้า เป็นต้น เพื่อหมุนเวียนดินหรือไม่ก็ทำนาปรัง ทั้งขายพืชผัก ทั้งขายผลผลิตข้าว ส่งผลให้ทุกคนมีเงิน มีทุนในการทำนาครั้งต่อไป
    

นางสมัย ถามะพันธุ์ ผู้เป็นเกษตรกรเต็มตัว กล่าวว่า มีที่นาอยู่ 14 ไร่ แบ่งเป็นปลูกยางพารา จำนวน 2 ไร่ ปลูกได้ 6 ปี ที่เหลือก็จะปลูกข้าวทั้งข้าวเหนียวและข้าวจ้าว ทุกปีจะทำนา 2 ครั้ง คือ นาปีและนาปรัง และแบ่งที่นาส่วนหนึ่งปลูกพืชผักแซมไปด้วย  ที่ผ่านมาจะมีพ่อค้าในตลาดตัวเมืองอำนาจเจริญไปรับพืชผักที่ปลูกไปขายยังตลาดสดเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ในแต่ละวันจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 - 400 บาท  สำหรับคนในชนบทก็ถือว่าเป็นรายได้ที่ดีมาก  

ส่วนนางเพชรา ศรีตะวัน อายุ 50 ปี อยู่บ้านหาดทรายมูล ต.ห้วยไร่ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ บอกว่า ตนยึดอาชีพทำนามาตั้งแต่บรรพบุรุษ ชาวนาในหมู่บ้านทรายมูล นับว่า โชคดี ที่มีแหล่งน้ำห้วยเซไหลผ่าน มีน้ำตลอดปี จึงมากรทำนา 2 ครั้ง  คือ นาปีและนาปรัง  และปลูกพืชผักควบคู่กันไป ทุกคนจึงมีงานทำตลอดปี โดยเฉพาะการ นำเอาแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียง ในหลวงรัชกาลที่ 9  มาใช้ในที่นาและชีวิตประจำวัน และบอกสอนลูกหลาน ให้ปฏิบัติตาม ทำให้ครอบครัวมีความสุขม

นายประสิทธิ์ นางาม  ประธานกลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษ .บ้านหาดทรายมูล ต.ห้วยไร่ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ผู้ขับเคลื่อนให้ชาวบ้านนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้จนประสบความสำเร็จ กล่าวว่า หมู่บ้านหาดทรายมูล มีประชากรเกือย 1,000 คน มีอาชีพทำนาปลูกข้าว ปีละ 2 ครั้ง คือนาปีและนาปรัง เป็นอาชีพหลัก เนื่องจากมีลำห้วยสาธารณประโยชน์ไหลผ่านและมีน้ำตลอดปี บางปีน้ำน้อย จึงขอความร่วมมือประชาชน งดทำนาปรัง ให้ทำนาปีอย่างเดียว และส่งเสริมสนับสนุน ปลูกพืชผักที่ใช้น้ำน้อยแทน โดยเน้นใส่ปุ๋ยอินทรีย์ทำใช้เองเป็นหลัก พืชผักที่ออกจากหมู่บ้านหาดทรายมูล จึงปลอดสารเคมี 100% ส่งผลให้ทุกคนไม่ว่างงาน มีงานทำตลอดปี ที่สำคัญ ได้ส่งเสริม ให้ประชาชน ยึดหลัก เศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ในการดำเนินชีวิต ทำให้ทุกคนนำไปปฏิบัติ จน กลายเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ระดับประเทศ ต้นแบบความสำเร็จ ทุกคนมีรายได้ มีงานทำ ขจัดความยากจนเศรษฐกิจในชุมชนดีมาก และที่สำคัญทุกคนอยู่ดีมีสุขถ้วนหน้า.