ตำรวจเร่งอายัดบัญชีแล้ว ยังไม่รู้เหลือเงินกี่บาท สาว 24 ปี ยอมเป็นลูกสะใภ้อ้างตัวรวย สั่งให้รื้อบ้านเก่าจะสร้างหลังใหม่ให้ แล้วตระเวนหลอกชาวบ้านส่งคนไปเกาหลี สุดท้ายโดนหลอกเสียเงินไปกว่า 170 คน  พ่อสามีถึงกับน้ำตาซึมมองสภาพบ้านที่อยู่เป็นแค่เพิงพัก มองเห็นเสาบ้านใหม่แต่ไร้หนทางสร้างต่อ

วันที่ 6 ม.ค.65 กรณีชาวบ้านจากหลายหมู่บ้าน หลายตำบล ใน อ.ลำปลายมาศ บุรีรัมย์  บางรายเดินทางมาจากต่างจังหวัด รวมกว่า 80 คน เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.นภดล แก้วชนะ รองผกก.(สอบสวน) สภ.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์

กล่าวหา นางสาวสุภรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี บ้านในพื้นที่ ม.5 ต.หนองกง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่าหลอกให้โอนเงินให้เป็นค่าดำเนินการรายละ 8,000-20,000 บาท เพื่อเดินทางไปทำงานประเทศเกาหลี ได้เงินเดือนอย่างน้อยเดือนละ 60,000 บาท สุดท้ายติดต่อไม่ได้ มีคนถูกหลอกทั้งหมดไม่น้อยกว่า 170 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 1.7 ล้านบาท

ทั้งยังหลอกให้พ่อแม่นายเกียรติศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี อยู่พื้นที่ ต.โคกล่าม อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งคบหากันเป็นแฟนได้ประมาณ 3 เดือน สั่งให้รื้อบ้านหลังเก่าออก บอกว่าแม่ที่มีแฟนอยู่ประเทศเกาหลี จะส่งเงินมาสร้างบ้านใหม่ให้

สุดท้ายเป็นการสร้างภาพเพื่อให้ชาวบ้านเชื่อว่าสามารถไปทำงานประเทศเกาหลีได้จริง มีเงินจริง ก่อนจะมีคนหลงเชื่อเข้ามาสมัครไปทำงานประเทศเกาหลีเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดนายเสงี่ยม เหาะสูงเนิน อายุ 45 ปี พ่อนายเกียรติศักดิ์ มีศักดิ์เป็นพ่อปู่ของ น.ส.มะปราง ลูกสะใภ้ตัวแสบ ได้ออกมาพูดถึงความรู้สึกแบบน้ำตาคลอเบ้าว่า ยอมรับว่าเสียใจและแค้นนิดๆ ที่ถูกลูกสะใภ้หลอกแบบนี้

เพราะนอกจากจะมาอาศัยอยู่เพิงพักชั่วคราวที่ทำขึ้นเพื่อรอบ้านหลังใหม่สร้างเสร็จ ยังต้องเป็นหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างอีกกว่า 120,000 บาท ค่าแรงช่าง และค่าอาหารที่ค้างกับร้านค้าในหมู่บ้านอีกรวมแล้วกว่า 30,000 บาท แล้วยังต้องมานั่งช้ำใจมองเสาบ้านใหม่ที่ตั้งขึ้นโด่เด่ แบบไร้หนทางที่จะสร้างต่อให้บ้านเสร็จได้ ตอนนี้พูดได้คำเดียวว่า “ไม่มีคำจะพูด”

ด้าน พ.ต.ท.นภดล แก้วชนะ รองผกก.(สอบสวน) สภ.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตอนนี้ได้แจ้งอายัดบัญชีของนางสาวสุภรัตน์ หรือมะปราง ศรีเมฆ เอาไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเงินในบัญชีจะเหลือเท่าไหร่ ส่วนแนวทางจะต้องมีการออกหมายเรียกก่อน หากไม่มาตามหมายเรียก 2 หมายก็จะออกหมายจับ ส่วนผู้เสียหายคาดว่าน่าจะมีมากกว่านี้ เพราะบางคนไม่มาแจ้งความ