หนุ่มวัย 23 ปี ชาว อ.สตึก บุรีรัมย์ ถือเชือกมาบอกน้า “จะผูกคอตาย” แล้วขับรถออกไป ญาติตามหาหลายวันไม่เจอ แจ้งตำรวจให้ช่วยตามไม่พบ สุดท้ายไปถามพระบอก “ตายแล้ว” ออกตามหาตามพระบอกพบผูกคอตายบนต้นไม่ในป่าสาธารณะ สาเหตุน้อยใจที่ไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2566 ร.ต.ท.ศรศักดิ์ พากระโทก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีคนผูกคอตายอยู่ในป่าสาธารณะ ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ จึงประสานหน่วยกู้ภัยวังกรูด และแพทย์เวรโรงพยาบาลสตึก ร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นป่าสาธารณะ ด้านหลังวัดป่าสตึกพัฒนา ไปประมาณ 600 เมตร พบร่างคนห้อยโตเตงอยู่บนต้นไม้ ใต้ต้นไม้พบ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 100 สีดำ ทะเบียน ขพร 341 บุรีรัมย์ จอดอยู่ สภาพศพเริ่มเน่าเปื่อยคาดเสียชีวิตมาประมาณ 5 วัน ทราบชื่อต่อมาผู้เสียชีวิตคือนายศรัณ สีลารัตน์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านที่ ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
 

จากการสอบถาม น.ส.รสจนา อนุกูล อายุ 32 ปี (น้าสาวผู้ตาย) อยู่บ้านที่ ต.นิคม เล่าว่า แม่ของหลานเสียชีวิต พ่อไปมีภรรยาใหม่ หลานจึงอยู่อาศัยกับยายตั้งแต่เด็ก ญาติๆจึงช่วยเลี้ยงจนกระทั่งโต

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา หลานได้ขี่รถจักรยานยนต์ มาหาตนที่บ้านสวายสอ เอาเชือกคล้องคอมาโชว์ แล้วบอกว่าจะไปผูกคอตาย แล้วขี่ จยย.ไปด้วยความเร็ว แต่ไม่ได้เอะใจเพราะคิดว่าหลานพูดเล่น หลังจากนั้นติดต่อหลานไม่ได้ และไม่กลับบ้าน

จนกระทั่งช่วงเย็นของวันที่ 6 มีนาคม 2566 จึงเข้าแจ้งความต่อ เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน สภ.สตึก เพื่อช่วยติดตามหาตัวหลานอีกทางหนึ่งด้วย แต่ก็ยังไม่พบ ญาติพยายามต่อต่อกับเพื่อนหลายคนก็ไม่มีใครทราบว่าไปอยู่ไหน เพราะไม่มีใครติดต่อได้

จนกระทั่งญาติๆทราบข่าว มีพระอาจารย์โอ๋ เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ บ้านหนองหลวง ต.เวียงสระ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม สามารถเข้าทรงดูดวงชะตาได้อย่างแม่นยำ จึงพากันไปดู

โดยพระอาจารย์โอ๋ ทักขึ้นมาว่า “เขาตายแล้ว” อยู่ที่บริเวณป่าด้านทิศตะวันออกของบ้านโนนพะไล(บ้านผู้ตาย) จากนั้นญาติๆตระเวนค้นหาตามจุดที่พระบอก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อพบศพหลานผูกคอเสียชีวิตตามจุดที่พระบอกไม่ผิดเพี้ยน

น.ส.รสจนา เล่าด้วยว่า ที่ผ่านมาหลานมักจะบ่นอยู่เสมอว่าไม่มีพ่อแม่ ไม่เหมือนเพื่อนที่พูดถึงพ่อแม่ตั้งแต่เด็กๆได้ ส่วนหลานเท่ากับไม่เคยเห็น ไม่เคยมี น่าจะเก็บปมนี้ไว้นานแล้วมาระบายตอนอายุ 23 ปี