วันที่ 30 มีนาคม 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าน.ส ภัคชรี ศรีแก้ว สาวหล่อวัย 32 ปี บ้านเลขที่  160 ม.3  ตำบลแม่ใส อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ทำงานบริษัทประกันภัย ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองหรือหอยเป๋าฮื้อน้ำจืดหรือหอยหวานญี่ปุ่นโดยใช้พื้นที่ว่างหน้าบ้าน ทำบ่อพลาสติกและบ่อปูนซีเมนต์ขึ้นมาหลายบ่อ เพื่อเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองหรือหอยหวานญี่ปุ่นจำนวนหลายพันตัว เพื่อจำหน่ายทั้งแม่พันธุ์และแปรรูปเป็นอาหารทำแบบสุกขายด้วย สร้างรายได้ต่อเดือนหลักหมื่น ซึ่งหอยเชอรี่สีทองนับว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่ลี้ยงง่าย กินพืชผักเช่น ผักบุ้ง  แหน ผักตบชวา และอื่นๆ โตเร็ว เนื้อหวานมันกรอบนุ่ม ไม่เหนียว ไม่มีกลิ่นคาว และได้ชื่อว่าเป็นหอยเป่าฮื้อน้ำจืด สามารถนำไปทำเป็นส่วนประกอบอาหารเช่น ส้มตำ ต้ม ผัด แกง ทอดหรือลวกจิ้มได้  แถมส่วนหัวยังมีสรรพคุณทางยา ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ มีโปรตีนสูง อุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด มีธาตุเหล็ก ไอโอดีนและแคลเซียมส่วนเปลือกหอยยังนำมาทำปุ๋ยบำรุงดินและต้นไม้ให้สวยงามได้

น.ส ภัคชรี ศรีแก้ว เล่าว่าได้ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานเพาะเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง- หอยเป๋าฮื้อน้ำจืดหรือหอยหวานญี่ปุ่นซึ่งตนเองได้ศึกษาและเกิดความสนใจจึงสั่งซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จากทางภาคอีสานจำนวน 10 คู่และจัดเตรียมบ่อและทำการเลี้ยง จนกระทั่งหอยเชอรี่สีทองวางไข่ และนำไข่ไป พักจนตัวหอยออกลูกจึงนำลงบ่อเลี้ยงอนุบาลประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นจึงคัดไซส์ แล้วนำไปเลี้ยงในบ่อซีเมนต์สำหรับอาหารที่ใช้เลี้ยง ก็จะมีอาหารปลาดุก จอก แหน และบัวลอย จะทำให้หอยเชอรี่สีทองเติบโต แข็งแรงและมีรสชาดหวานกรอบ หลังจากนั้นใช้เวลา 4-5 เดือนก็จะได้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ซึ่งพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จะขายใน คู่ละ 50 บาท สำหรับหอยเชอรี่สีทองที่มีไซส์ขนาดเหรียญห้าเหรียญสิบ ก็จะมีราคาต่างไปอีกแล้วแต่ขนาดไซส์ส่วนการจับขาย ถ้าขายเป็นหอยสดและแบบพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ต่อรอบก็จะได้หลักหมื่นบาท ส่วนขายแบบหอยเนื้อ โดยการนึ่งไปขาย วันหนึ่งก็จะได้อยู่ประมาณ 10-20 ชุดชุดละ 100 บาทซึ่งสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000-2,000 บาทต่อวันซึ่งตอนนี้ หอยเชอรี่สีทองที่เลี้ยงอยู่ ก็ยังโตไม่ทันสำหรับออเดอร์ที่ลูกค้า สั่งจอง หากผู้ใดสนใจติดต่อสอบถามเบอร์โทร 0968279371