ที่วัดพัฒนาธรรมาราม หรือวัดบ้านด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์  หลวงปู่เฮง ปภาโส เจ้าอาวาสวัดบ้านด่านพัฒนา พระเกจิอาจารย์มีชื่อเสียงแห่งแดนอีสานใต้ เป็นประธาน  พิธีพิธีนั่งปลุกเสกวัตถุมงคล มหาพุทธาภิเษก พระเครื่องรุ่นชนะจน โดยจัดสร้างโดย “กบบ่อวิน” ในขณะที่ประกอบพิธีท่ามกลางแดดร้อนจ้าอุณหภูมิทะ 40 องศาเชนเซียส  หลังจากที่หลวงปู่เฮง ปภาโส ได้เข้าในปะรำพิธี เพื่อนั่งปลุกเสกพระเครื่องรุ่นชนะจน จู่ๆก็มีเมฆ ลอยมาปิดบังพระอาทิตย์แดดไม่สอดส่งลงมา จนกลายเป็นรูปเกล็ดพญานาคชาวบ้านต่างถ่ายรูปและยกมือสาธุด้วยความศรัทธา เป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก เพราะว่าเมฆที่เป็นลูกคลื่นคล้ายๆกับเกล็ดพญานาคที่ลอยมาปิดบังแดดนั้นลอยมาปิดบังจนเสร็จพิธีถึงได้สลายออกไป ชาวบ้านเดินทางมาพิธีปลุกเสกพระ จากจังหวัดจันทบุรี ถึงกับพูดว่าอัศจรรย์จริงๆไม่เคยเห้นเมฆมัลักษณะนี้มาก่อน และต่างตีความกันไป ไปต่างๆนา ๆ ประกอบกับเพราะที่วัดบ้านด่านช่องจอม ก็มีรูปปั้นพญานาคอยู่ 2 ตน อยู่ใกล้ๆกับปะรำพิธี พี่ชาวบ้านให้ความศรัทธาและขอพรต่างๆประสบความสำเร็จหลายต่อหลายราย

 

ทั้งนี้หลังจากเสร็จพิธีปลุกเสกพระรุ่นแก้จน ทางวัดได้มีการแจกเหรียญวัตถุมงคลของหลวงปู่เฮง ปภาโส รุ่นชนะจน ที่แช่น้ำมนต์ตลอดเวลา ที่ประกอบพิธีปลุกเสก จำนวน 1,696 เหรียญ ชาวบ้านนับพันคนเข้าไปรอรับเหรียญด้วยความศรัทธาหลวงปู่เฮง แต่ก็ไม่พอกัน มีเซียนพระทั่วทั้งประเทศไทยไปรับซื้อเหรียญแจก อยู่ที่หน้าสถานที่จัดพิธีปลุกเสก หรือแม้แต่ที่หน้าวัด ชาวบ้านบางคนก็เอามาขายต่อให้ผู้ที่สนใจ ให้ราคาสูงหลายร้อยบาท ชาวบ้านบางคนก็เก็บเอาไว้เพื่อบูชา ถือได้ว่า เป็นที่ต้องการของเซียนพระเป็นอย่างมาก

 

สำหรับหลวงปู่เฮง ปภาโส เจ้าอาวาสวัดพัฒนาธรรมารามหรือวัดบ้านด่านช่องจอม สิริอายุ 96 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น เทพเจ้าแห่งโชคลาภของแดนดินถิ่นอีสานใต้ วัดตั้งอยู่ที่ บ้านด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หลวงปู่เฮงฯเกิดเมื่อ เดือนสิงหาคม 2470 ปีเถาะ พ่อแม่เป็นชาวกัมพูชา แต่ได้อพยพมาอยู่ประเทศไทยในสมัยที่ฝรั่งเศสปกครอง โดยย้ายมาอยู่หมู่บ้านปราสาท ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ประกอบอาชีพทำนาทำสวน มีพี่น้องด้วยกัน 13 คน เป็นบุตรคนที่ 7 ที่หมู่บ้านปราสาท ในวัยเด็กอายุประมาณ 13-14 ปี พระอาจารย์เฉิด ธัมมกโร ลูกพี่ลูกน้องของหลวงปู่เฮง เดินทางธุดงค์มาจากประเทศกัมพูชา เข้ามาเยี่ยมญาติ พี่น้องที่ประเทศไทย บอกจะเดินธุดงค์ไปเรือยๆ  จนกระทั่ง  พ.ศ.2532   กลับมาบ้านเกิดอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านด่านช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ จนถึงปัจจุบัน เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวอีสานใต้และชาวกัมพูชาแถบชายแดน ให้ความเลื่อมใสศรัทธา ด้วยเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมยามได้รับกิจนิมนต์ไปงานบุญต่างๆ ไม่เคยปฏิเสธ แม้ว่าอายุจะย่างเข้าสู่วัยชราและมีปัญหาด้านสุขภาพตามวัย อีกทั้งเมื่อท่านรับกิจนิมนต์แล้วท่านจะต้องเดินทางไปถึงสถานที่งานก่อนเป็นประจำ ส่วนกิจนิมนต์ในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ท่านต้อง เดินทางเข้าร่วมพิธีเสมอ แม้จะไกลหรือจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ก็มีความสุขที่ได้ปฏิบัติเช่นนั้น ศิษย์ผู้คอยดูแลปรนนิบัติก็ไม่สามารถ ทัดทานได้ ด้านวัตถุมงคลที่อธิษฐานจิตปลุกเสกนั้น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เล่าขาน ทำให้บรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องวัตถุมงคลต่างเสาะแสวงหามาบูชาครอบครองติดตัวเกียรติคุณบารมี รวมทั้งพุทธาคมและพลังจิตของท่าน ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดสุรินทร์และแดนดินถิ่นใต้อีกด้วย