นายมนตรี เพชรขุ้ม ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาชาติ หมายเลข 5  คนเดียวของจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ทางพรรคมั่นใจและส่ง  ยังคงใช้วิธีเดินเท้า ตามชุมชนและหมู่บ้าน ในพื้นที่บ้านกงตาก ต.ช้างซ้าย อ.กาญจนดิษฐ์  เพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 7 ซึ่งเป็นเขตที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีจาก 6 เขต เป็น 7 เขต

 

นายมนตรี   เพชรขุ้ม กล่าวว่า ตนเองเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียว เขตเดียวคือเขตเลือกตั้งที่ 7 ในนามของพรรคประชาชาติ ซึ่งจะต้องใช้ความพยายามในการลงพื้นที่ให้มากที่สุด เพราะในบางพื้นที่ของเขตเลือกตั้งที่7 จะเป็นลักษณะหมู่บ้านที่ประชาชนส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรทำสวน ที่ยังมีความห่างไกลจากชุมชน จึงต้องใช้รูปแบบเดินเคาะประตูบ้าน เท่าที่ผ่านมาหลังจากได้ลงพื้นที่ตนเองยังมีความมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 7 ยังให้ความไว้วางใจตนเองมากพอสมควร เนื่องจากเคยได้เห็นผลงานของตนเองเมื่อสมัย ดำรงตำแหน่งเป็น นายก อบจ.จังหวัดสุราษฎร์ธานี มาแล้วหวังแย่งที่นั่ง สส.จากประชาธิปัตย์ในเขตนี้

 

สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 7 ซึ่งเป็นเขตที่เพิ่มขึ้นมาใหม่และผู้สมัครเป็นผู้สมัครหน้าใหม่เป็นส่วนใหญ่ ตนเองมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนจะต้องสนับสนุนตนเองให้ไปทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะปัญหาที่สำคัญ เช่นเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชน ปากท้อง หรือความเป็นอยู่ของประชาชน เบี้ยของผู้สูงอายุต้องเพิ่มมากกว่าปัจจุบัน นักเรียนต้องเรียนจบระดับปริญญาตรี เด็กแรกเกิดต้องมีเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ ดังนั้นต้องเลือกคนที่เข้าไปทำงานเป็นและทำงานได้ ตนเองขอรับอาสาเป็นตัวแทนทำหน้าที่ให้กับพี่น้องประชาชนเขต7เข้าไปทำหน้าที่เพื่อให้พี่น้องมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป

 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับพื้นที่เขต 7 มีผู้สมัครถึง 12 พรรคการเมือง ประกอบด้วยพรรคไทยสร้างไทย,พรรครวมไทยสร้างชาติ,พรรคภูมิใจไทย,พรรคไทยภักดี,พรรคประชาชาติ,พรรคเพื่อไทย,พรรคพลังประชารัฐ,พรรคก้าวไกล,พรรคประชาธิปัตย์,พรรคเสรีรวมไทย,พรรคคลองไทยและพรรคทางเลือกใหม่ โดยผู้สมัครพรรคที่มาแรงในขณะนี้คือพรรคประชาธิปัตย์ที่ส่ง น.ส.ตวงพร ประดิษฐพร อดีต ส.อบจ.เขต อ.พุนพิน นักการเมืองท้องถิ่นคนรุ่นใหม่ ,พรรครวมไทยสร้างชาติที่ส่งนายธานินทร์ นวลวัฒน์ อดีต ส.อบจ.เขต อ.กาญจนดิษฐ์ นักการเมืองท้องถิ่นเช่นกัน เด็กในคาถาของนายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ.สุราษฎร์ธานีและพรรคประชาชาติที่ส่งนายมนตรี เพชรขุ้ม ลงแข่งขันเพียงคนเดียวทั้งจังหวัด.