วันจันทร์ ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 17:46 น.

ภูมิภาค

ญาติสาวบุรีรัมย์สวนทหารชลบุรี หลังโพสต์ถูกเทงานแต่งพร้อมสู้หากฟ้อง

วันพฤหัสบดี ที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 19.46 น.

ญาติสาวชาวบุรีรัมย์ สวนกลับหนุ่มทหารยศสิบโทสังกัดค่ายทหารจังหวัดชลบุรี ที่ไปร้องสื่อว่าถูกเทแต่งงานหลังแต่งเจ้าสาวล่องหน สูญเงินไปกว่า 1 แสนบาท ระบุแต่งงานตามประเพณีแล้วอยู่กินตามปกติ ก่อนจะไปทำงานตามหน้าที่ด้วยกันต่างจังหวัด ไม่รู้เรื่องการเลิกรา เท่าที่ทราบฝ่ายชายทำร้ายคาดเป็นมูลเหตุที่ฝ่ายหญิงไม่เอาด้วย


วันที่ 1 มิ.ย.66 กรณี หนุ่มทหารยศสิบโท สังกัดค่ายทหารแห่งหนึ่งที่จังหวัดชลบุรีโพสต์เรื่องราวของตัวเองผ่านเฟชบุ๊คบรรยายข้อความว่า" อยากจะเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นปียันตอนนี้ ผมได้คบกับผู้หญิงคนนึงได้ตกลงคบกันจะมียุวันนึงได้ตกลงแต่งงานพอแต่งงานได้ได้ 7 วันเท่านั้นนางได้ขาดการติดต่มาสักพักนึงพอติดต่อได้คือบอกอยู่ไปไม่มีความสุขสุดท้าย#ผมโดนเทหรอวะเนี่ย คือยังไงจนผมได้ไปเคลียมาจากที่ทำงานเขาผมก็ได้คำเดิมกลับมาคือเลิก ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ นะคับ ส่วนท่านใดอยากแสดงความคิดเห็น ได้เลยนะคับ ผมอยากเห็นความคิดหลายๆ คนว่าเหตุการณ์นี้ ควรทำอะไร "


ต่อมาผู้สื่อข่าวจังหวัดชลบุรี ได้เข้าไปสอบถามข้อมูล จากสิบโทสุธา(สงวนนามสกุล) สมรสกับ ผู้โพสต์ โดยสิบโทสุธา ได้เล่าเหตุการณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ได้ไปแต่งงานกับนางสาวศศิวิมล (สงวนนามสกุล) เมื่อวันเสาร์ที่ 29 เมษายน 2566 ที่ผ่านมาโ ดยจัดที่บ้านของฝ่ายหญิง ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์


โดยสิบโทสุธา กล่าวกับนักข่าวว่า ได้รู้จักกับฝ่ายหญิงผ่านแอ็ปพิเคชั่นหาคู่โดยมีการแชทหาและขอเบอร์โทรคุยกันจากนั้นได้มีการนัดและตนก็ได้ไปเล่นที่บ้านของฝ่ายหญิงแต่พอนอนค้างคืนเช้ามาทางญาติของฝ่ายหญิงได่บอกว่าให้เอาผู้ใหญ่มาคุยเพราะตนทำผิดประเพณีของทางบ้านเขาจากนั้นตนก็ได้โทรหาพ่อเพื่อมาคุยและทำการหมั่นหมายกันไว้


โดยแม่ของฝ่ายหญิงบอกว่าเรียกค่าสินสอนเป็นเงิน 2 แสน ทอง 2 บาทซึ่งได้คุยและตกลงกันไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาแต่พอผ่านมาผระมาณ 15 วันทางแม่ฝ่ายหญิงร้องขอมาแต่งก่อนได้ไหมโดยเรียกค่าดอง 1 แสน ทอง1 บาทแทนตนก็เอะใจว่าทำไมเร่งรัดขนาดนี้เหมือนจะขายลูกกินเลยและหลังจากนั้นก็มีการโทรมาเอาเงินเพื่อไปซื้อองและเตรียมจัดงานตนก็รีบโอนให้พอถึงวันที่แห่ขบวนขับหมากไปบ้านเจ้าสาวตนก็แปลกใจว่าจัดงานแต่งทำไมไม่มีญาติหรือคนในหมู่บ้านมาร่วมงานเลยมีแต่คนที่สนิทและเป็นญาติอย่างเดียวและงานพิธีทุกอย่างจะทำเร็วมากรวมทั้งนับเงินสินสอดขนาดช่างภาพที่ตนเตรียมมาทำงานก็ยังถายภาพไม่ทันและคนในงานรวมทั้งญาติๆ ของตนก็ยังสงสัยและคิดว่าผิดปกติมากในงานแต่งของตน


แต่พอหลังจากที่ตนได้แต่งงานเสร็จแล้วอยู่กินกันประมาณ 6 วันฝ่ายหญิงเริ่มเงียบ จากนั้นกลับไปทำงานตนก็ได้ตามไปถึงที่ทำงานที่เขาทำเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่โรงพยาบาลชื่อดังในกรุงเทพฯ ตนก็พยายามถามและคุยถึงสาเหตุแต่ทางฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมพูดกับตนเอาแต่เงียบแล้วเดินหนีตน


จึงได้สอบถามและโพสต์ขอความเห็นรวมทั้งพ่อกับแม่และพี่น้องของตนก็บอกว่าถูกหลอกเอาเงินค่าสินสอดแน่นอน จากนี้ตนก็จะเดินหน้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงและจะฟ้องเงินที่ตนได้เสียไปกับการจัดงานและเงินค่าดอง รวมๆกว่า 180,000 บาทและเงินส่วนนี้ตนได้ไปกู้มากับพ่อเพื่อเอามาแต่งงานและหวังจะสร้างอนาคตแต่กลับมาถูกหลอกแบบี้ตนก็รู้สึกเสียใจมากถามว่านักไหมตนก็รักแต่เจอแบบนี้รักแค่ไหนตนก็ขอตัดใจดีกว่า


ผู้สื่อข่าวที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เดินทางไปสอบถามข้อเท็จริงกับญาติฝ่ายหญิงที่ ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พบนางสุภัค (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี แม่ฝ่ายหญิง เล่าว่า ลูกสาวไปรู้จักกันฝ่ายชายที่ไหนตนไม่ทราบ แต่ฝ่ายชายมาหาที่บ้าน ถึงขั้นมาอยู่กินด้วยกันนานกว่า 2 เดือน


ญาติจึงถามว่าจะเอาอย่างไร สุดท้ายตกลงจะแต่งงานกัน แม่ไม่ได้ห้ามก่อนจะมีการจัดงานแต่งตามประเพณี การที่ฝ่ายชายบอกว่าลูกสาวเทงานแต่ง หรือหลอกให้แต่งงานไม่ถูกต้อง


เพราะได้มีการจัดงานอย่างสมเกียรติ ชาวบ้านมาร่วมงานแต่งเป็นจำนวนมาก มีดนตรี มีฉลอง น่าจะดีกว่างานแต่งอีกหลายคู่ในหมู่บ้าน เท่าที่ทราบฝ่ายชายชอบทำร้ายลูกสาว ซึ่งอาจจะเป็นมูลเหตุที่ทำให้ลูกสาวไม่สนใจ ประกอบกับลูกสาวเป็นคนไม่พูด


ขณะที่ นางไอ (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ป้าฝ่ายหญิง เล่าว่า “จะเทงานแต่งได้อย่างไร” จัดเครื่องเสียงงานแต่งครบ จัดที่พักให้ฝ่ายชายที่เดินทางมาจากจังหวัดสิงบุรี อย่างดี หลังแต่งเด็กก็อยู่กินตามปกติ แต่ฝ่ายชายทำงานที่จังหวัดชลบุรี ส่วนฝ่ายหญิงทำงานที่กรุงเทพฯ


นายไอ เล่าด้วยว่า ตอนแรกตกลงค่าสินสอด 1.5 แสน ทอง 2 บาท แต่เจ้าบ่าวขอไปแต่งเดือน 12 แต่ได้มีการเลื่อนแต่งลงมา จึงลดสินสอดเป็น 1 แสนบาท ทอง 1 บาท หมู 100 โล เหล้า 2 ลัง เบียร์ 2 ลัง น้ำส้ม 2 ลังตามประเพณีของคนที่นี่ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นฝ่ายเจ้าสาวเป็นคนจัดการทั้งหมด


ยอมรับว่าแปลกใจหลังงานเสร็จงานแต่ง ญาติฝ่ายหญิง ขอสินสอดคืนพวกตนจึงบอกว่ามีค่าใช้จ่ายหลายอย่างกับเงินเพียง 1 แสนแทบไม่พอค่าใช้จ่ายแล้ว ส่วนกรณีฝ่ายชายจะแจ้งความอะไร ทางเราไม่กลัว เพราะเราทำถูกต้องทุกอย่าง


ด้านนางสุภาพ (สงวนนามสกุล) อายุ 68 ปี ชาวบ้านที่ไปร่วมงานแต่งงานเล่าว่า ได้ไปร่วมงานแต่งกับเขาด้วย จัดใหญ่พอสมควร ถ้าเปรียบเทียบกับเงินสินสอด 100,000 บาท ถือว่าสมเหตุสมผล เงินไม่เหลือไม่ขาด

หน้าแรก » ภูมิภาค