วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568 17:43 น.

ภูมิภาค

หน้าฝนชวนขนลุก! “กิ้งกือ” ตัวเบิ้มเท่านิ้วก้อย คลานต้วมเตี้ยมบริเวณบ้าน 



วันอังคาร ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 09.40 น.

หน้าฝนชวนขนลุก "กิ้งกือ" ตัวเบิ้ม โตเท่านิ้วก้อย คลานต้วมเตี้ยมบริเวณบ้าน เตือนระวังเด็กจับเล่น แพทย์ผิวหนังชี้ ไม่กัด แต่มีพิษ 



 

วันที่ 27 มิ.ย.66 นี่เป็นคลิป "กิ้งกือ" ตัวเบิ้มยาวเกือบ 4 นิ้ว คลานต้วมเต้ยมบริเวณบ้านเรือนชาวบ้าน ในพื้นบ้านแหลมป่อง ม.3 ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ แม้เจอจำนวนไม่เยอะ แต่ก็ชวนขนลุก แต่ละตัวมีขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อเผลอเดินเหยียบตาย ก็มีจะของเหลวออกมา มีกลิ่นฉุนเข้าจมูก บางคนที่กลัวจริงๆ เจอเมื่อไหร่เป็นต้องร้องยี้ ถอยหนีเลยทีเดียว ที่สำคัญระวังเด็กจับเล่นอาจเกิดอันตราย 



 

 

ขณะเดียวกันในสื่อโซเชี่ยลจ.กระบี่ มีการแชร์เรื่องราวข้อมูลความรู้เกี่ยวกับ "กิ้งกือ" ระบุชื่อนพ.สุดศรัญย์ พรึงลำภู สถาบันโรคผิวหนัง ข้อความว่า หน้าฝนควรรู้ "กิ้งกือ" ไม่กัด แต่มีพิษ ทำให้ผิวหนังไหม้ สารพิษของกิ้งกือ มีลักษณะเป็นของเหลวใส ไม่มีสี ประกอบด้วยสารกลุ่มไฮโดนเจน ไซนาไนด์ , ฟีนอล , กลุ่มเบนโซควิโนนและไฮโดรวิโนน มีฤทธิ์ทำให้ผิวหนังไหม้ 



 

ส่วนอาการที่พบ สารพิษของกิ้งกือจะถูกปล่อยมาจากบริเวณข้างตัวมีฤทธิ์ฆ่าสัตว์เล็กๆ เช่น มด แมลง คนที่สัมผัสจะทำให้เกิดการอักเสบเป็นผื่นแดงหรือทำให้ระคายเคืองในกรณีถูกพิษกิ้งกือเข้าตา 



 

กิ้งกือบางสายพันธุ์เท่านั้นที่จะมีต่อมพิษอยู่ตลอดข้างลำตัว สามารถฉีดสารพิษพุ่งออกไปได้ไกล สารพิษมีลักษณะเป็นของเหลวใสไม่มีสี มีฤทธิ์ทำให้ผิวหนังไหม้เป็นแผลไหม้ มีอ่การปวด 2-3 วัน 



 

 

ส่วนการรักษา หากถูกพิษของกิ้งกือให้ล้าวด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาด ทายาแก้อักเสบ อาการโดยทั่วไปมักหายภายใน 1 สัปดาห์ หากพิษเข้าตาอาจทำให้ตาอักเสบ ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดและรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที 



 

นพ.สุดศรัญย์ พรึงลำภู สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน อาจพบเห็นกิ้งกือในสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่อยู่อาศัย สวนสาธารณะ จึงขอให้คำแนะนำแก่ประชาชน ว่า กิ้งกือไม่ใช่สัตว์อันตราย ไม่กัด แต่มีพิษหากสัมผัสถูกตัว สารพิษของกิ้งกือจะถูกปล่อยออกมาจากบริเวณข้างลำตัว มีฤทธิ์ฆ่า สัตว์เล็กๆ เช่น มด แมลง และหากคนสัมผัสจะทำให้เกิดการอักเสบเป็นผื่นแดง หรือทำให้ตาระคายเคืองในกรณีถูกพิษกิ้งกือเข้าตา 



 

 

นพ.สุดศรัญย์ พรึงลำภู ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่า กิ้งกือบางสายพันธุ์เท่านั้นที่จะมีต่อมพิษอยู่ตลอดสองข้างลำตัวสามารถฉีดสารพิษพุ่งออกไปได้ไกล สารพิษมีลักษณะเป็นของเหลวใสไม่มีสี ประกอบด้วยสารกลุ่มไซยาไนด์ (Hydrogen cyanide) ฟีนอล (Phenol) กลุ่มเบนโซควินิน และไฮโดรควิโนน (Benzoquinones/hydroquinones) มีฤทธิ์ทำให้ผิวหนังไหม้ แผลไหม้ มีอาการปวด 2-3 วัน รวมทั้งการระคายเคืองร่วมด้วย ทั้งนี้ หากถูกพิษของกิ้งกือให้ล้างด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาด ทายาแก้อักเสบ โดยทั่วไปอาการมักจะหายภายใน 1 สัปดาห์ แต่หากพิษเข้าตาอาจทำให้ตาอักเสบ ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดและรีบปรึกษาจักษุแพทย์ทันที เพื่อป้องกันการอักเสบของตาที่อาจเพิ่มมากขึ้น


 

หน้าแรก » ภูมิภาค