วันจันทร์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 12:49 น.

ภูมิภาค

"รพ.ขอนแก่น"เตรียมฟ้องกรณีที่ทำให้โรงกำจัดขยะติดเชื้อต้องหยุดดำเนินการ

วันเสาร์ ที่ 07 ตุลาคม พ.ศ. 2566, 16.56 น.

รพ.ขอนแก่น เตรียมยื่นฟ้องเอาผิดกับบุคคล และหน่วยงาน ที่ให้ข้อมูลเท็จไม่ตรงกับข้อเท็จจริง หลัง ได้ว่าจ้างให้บริษัท ยูไนเต็ด แอนนาลิสต์ แอนค์ เอ็นจิเนียวิ่งคอนชัลแตนท์ จำกัด เข้าทำการตรวจวัดค่ามลพิษและกลิ่นรบกวน อาคารกำจัดมูลฝอยติดเชื้อด้วยตนเอง ซึ่งผลการตรวจวัดค่าดังกล่าวออกมาเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าค่ามลพิษและกลิ่นรบกวน ได้0.03 ซึ่งค่าน้อยกว่า ค่ายอมรับได้2.2.ppm.จนทำให้โรงกำจัดมูลฝอยติดเชื้อของทาง รพ.ต้องถูกสั่งให้หยุดการดำเนินงาน ทำให้ รพ.ต้องเสียงบประมาณในการจ้างบริษัทเอกชนเข้าดำเนินการกำจัดขยะติดเชื้อเสียเงินเป็นจำนวนมาก 

 


 

เมื่อวันที่ 6 ต.ค.66 ที่ห้องประชุมแก่นทอง โรงพยาบาลขอนแก่น นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เนื่องจากที่ผ่านมาทางกรมอนามัยได้มาตรวจสอบวัดค่ามลพิษและกลิ่นรบกวน ของอาคารกำจัดขยะมูลฝอยติดเชื้อ ที่ทางโรงพยาบาลขอนแก่นได้จัดตั้งขึ้นเพื่อกำจัดขยะดังกล่าว แล้วได้รายงานข้อมูลไปยังเทศบาลนครขอนแก่น ผิดจากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตรวจวัดค่ามลพิษและกลิ่นรบกวน(air contaminants ) ทั้งในอาคารกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ,บ้านพักข้าราชการ ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น (แฟลตกระดังงา) และ ปล่องปล่อยอากาศจากระบบบำบัดขยะติดเชื้อโรงพยาบาลขอนแก่น ว่ามีค่ามาตรฐานเกินกำหนดของกรมอนามัย และพบสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายและสารอะโครลีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้เกิดกลิ่น ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้พักอาศัยใกล้เคียง ทำให้เทศบาลนครขอนแก่นต้องสั่งหยุดไม่ให้ทาง รพ.ขอนแก่นทำการกำจัดขยะฆ่าเชื้อเป็นการชั่วคราว ทำให้ รพ.ขอนแก่นต้องไปว่าจ้างเอกชนมาทำการขนย้าย ขยะไปทำลาย ทำให้ รพ.ขอนแก่นต้องเสียงบประมาณในการกำจัดขยะติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นไปอีกเป็นเงินจำนวนหลายล้านบาท
 


ต่อมาเมื่อวันที่ 25 – 26 กันยายน 2566 โรงพยาบาลขอนแก่น ได้ขออนุมัติจากเทศบาลนครขอนแก่น ให้โรงกำจัดขยะดังกล่าวเปิดดำเนินการกำจัดขยะชั่วคราว เพื่อจะได้วัดค่ามาตรฐานใหม่ไปเปรียบเทียบกับของกรมอนามัย โดยทาง รพ.ขอนแก่น ได้ว่าจ้างให้บริษัท ยูไนเต็ด แอนนาลิสต์ แอนค์ เอ็นจิเนียวิ่งคอนชัลแตนท์ จำกัด เข้าทำการตรวจวัดค่ามลพิษและกลิ่นรบกวน อาคารกำจัดมูลฝอยติดเชื้อด้วยตนเอง ซึ่งผลการตรวจวัดค่าดังกล่าวออกมาเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าค่ามลพิษและกลิ่นรบกวนทั้งในอาคารกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ,บ้านพักข้าราชการ ศูนย์อนามัยที่ 2 ขอนแก่น (แฟลตกระดังงา) และ (แฟลตกระดังงา) ระหว่างวันที่ 25 - 26 กันยายน 2566 ในช่วงเวลา 08.30 - 16.30 น. ผลการวิเคราะห์( ส่วนในล้านส่วน) สารอินทรีย์ระเหยได้ทั้งหมด แยกเป็นลานขยะ 0.03 อาคารแฟลต 0.1 บริเวณหน้าโรงขยะ 0.3 และบริเวณปลายปล่อง ระบายอากาศ ได้ 1.2 ซึ่ง ในพื้นที่เปิด ต่ำกว่าค่ายอมรับได้ซึ่งห้ามเกิน 2.2 ppm.ซึ่งค่าดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าระดับมาตรฐาน ผิดจากของกรมอนามัยที่มาตรวจวัดแล้วบอกว่ามีค่าสูงกว่ามาตรฐาน จนถูกทางเทศบาลนครขอนแก่นมีคำสั่งให้โรงกำจัดขยะติดเชื้อต้องหยุดการดำเนินงานดังกล่าว

 


 

สำหรับ บริษัท ยูไนเต็ด แอนนาลิสต์ แอนค์ เอ็นจิเนียวิ่งคอนชัลแตนท์ จำกัด ที่ทาง รพ.ขอนแก่นได้ให้มาทำการตรวจวัดค่ามลพิษและกลิ่นรบกวนใหม่ในครั้งนี้ ถือเป็นหน่วยงานที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับ เพราะเคยตรวจสอบงานดังกล่าวระดับประเทศ เป็นที่ประจักษ์ มามากแล้ว
 

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางโรงพยาบาลขอนแก่นจึงจำเป็นที่จะต้อง ฟ้องร้องผู้ที่ทำให้โรงพยาบาลต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นพร้อมทั้งจะแจ้งดำเนินคดีอาญาในการที่ ให้ข้อมูลอันผิดพลาดส่งผลกระทบต่อการดำเนินการกำจัดขยะดังกล่าว แล้วทำให้เทศบาลใช้ช่องทางกฎหมาย ให้หยุดดำเนินการกำจัดขยะ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างให้ทางนิติกรของทาง รพ.รวบรวมเอกสาร หลักฐานต่างๆ อยู่เพื่อทำการฟ้องร้องต่อไป

 


 

สำหรับมหากาพย์ เรื่องอาคารกำจัดขยะมูลฝอยติดเชื้อ ที่ทางโรงพยาบาลขอนแก่นได้จัดตั้งขึ้นเพื่อกำจัดขยะดังกล่าว ความจริงแล้ว เป็นสถานที่เดิม ที่ใช้มาตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว ผ่านผู้อำนวยการมาก็หลายท่าน ซึ่งในอดีต เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ไม่มีหลังคาคลุมเช่นในปัจจุบัน ก็อย่างที่ทราบ กันดี สำหรับผู้ที่มีอายุแล้วมาใช้บริการที่โรงพยาบาลขอนแก่น ซึ่งก็จะมีทั้ง ขยะที่เป็นน้ำ และ แห้ง ปะปนกันไป ซึ่งจะถูกนำไปกองไว้ที่ ถังขยะคอนเทนเนอร์ ที่จุดบริเวณนี้ เพื่อรอให้รถยนต์บรรทุก ขยะ มูลฝอย นำไปกำจัดทิ้ง
 

ซึ่งในอดีต สถานที่ดังกล่าวใช้วิธีการเผา ในเตาขยะ โดย ขณะนั้น แฟลตกระดังงา ยังไม่ได้ทำการก่อสร้างด้วยซ้ำ และยังคงดำเนินการต่อมาเรื่อยๆมีการพัฒนารูปแบบจากการเผามาเป็นการ กำจัดด้วยวิธีการอบไอน้ำ รายการฆ่าเชื้อ ในปัจจุบัน จากนั้นใช้ใบมีดในการฟันให้ละเอียดก่อนบดอัดใส่ถุงแดง นำไปขนย้าย ไปทิ้ง ซึ่งเป็นการประหยัดงบประมาณให้กับทางโรงพยาบาลขอนแก่นได้เป็นจำนวนมาก กว่าการให้ว่าจ้างเอกชน เข้ามาดำเนินการ เป็น 10 เท่า ถ้ามองในมุมกลับกัน ในอดีต ที่มีสถานที่เปิดโล่งไม่มีหลังคาคลุม กลิ่นมันจะรุนแรงขนาดไหนืแถมยังใช้ระบบการกำจัดด้วยวิธีการเผาแล้วต่อมา มีการพัฒนา จึงประยุกต์มาใช้ระบบไอน้ำในการฆ่าเชื้อโรค ซึ่งกลิ่นก็จะ ลดน้อยถอยลงไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม อย่างที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด.

หน้าแรก » ภูมิภาค